“ชัยยศ” แนะเก็บ 4 หุ้นท็อปพิกก่อนรัฐบาลชุดใหม่ ชูค้าปลีก-ไฟแนนซ์เด่น

นายชัยยศ จิวางกูร มอง SET อาจผันผวนช่วงก่อนเลือกตั้ง มองเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมก่อนการรันนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลชุดใหม่ แนะนำกลุ่มค้าปลีก CPALL-HMPRO และไฟแนนซ์ MTC และ KTC รับประโยชน์เงินสะพัด


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (3 ก.ย.68) ว่าจากสถานการณ์การเมืองล่าสุด พรรคประชาชนได้ประกาศสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็เตรียมยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการยุบสภา หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าว อาจเกิดช่องว่างทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณประจำปี 2569 ล่าสุดวานนี้ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา วุฒิสภาได้อนุมัติงบประมาณเรียบร้อยแล้ว แต่หากมีความล่าช้าในการจัดสรรงบประมาณตามกำหนดอาจกระทบต่อการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน GDP ของไทยอยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หากมีปัจจัยด้านการเมืองเข้ามากระทบ GDP ที่เคยคาดว่าจะฟื้นตัวอาจรับผลกระทบเพิ่มเติม

ส่วนกรณี พรรคภูมิใจไทยนำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคประชาชน จัดทั้งรัฐบาลได้จริง ระยะเวลาการบริหารอาจมีเพียง 4 เดือน ซึ่งการรันนโยบายอาจเผชิญความท้าทาย เนื่องจากคะแนนเสียงสนับสนุนมีจำนวนจำกัด

ในมุมมองของฝ่ายนักวิเคราะห์ สถานการณ์เช่นนี้ SET Index จะเห็นว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาจดำเนินไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมตลาด

ขณะเดียวกัน กรณีที่เกิดการยุบสภา SET อาจตอบสนองด้วยความตื่นตัวและความกังวลในช่วงแรก เนื่องจากระยะเวลาในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะเกิดช่วงเว้นวรรคประมาณ 3-4 เดือน แม้ว่าจะมีนายกรัฐมนตรีรักษาการอยู่ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านอำนาจและการดำเนินนโยบาย ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจชะงักชั่วคราว

“ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบใด นายนอุทินเป็นนายก หรือกรณียุบสภา จะสร้างความกังวลต่อตัวเลขเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อ SET ส่วนยุบสภา ช่วงแรกอาจมีแรงขายหรือความผันผวนมากกว่า เนื่องจากตลาดต้องเผชิญกับช่วงเว้นวรรคทางการเมือง” นายชัยยศ กล่าว

โดยจากปัจจัยทางการเมืองที่ไม่แน่นอน ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ลงทุนระหว่างระยะเวลาช่วงเว้นวรรคและจัดตั้งรัฐบาลใหม่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 4 เดือน ซึ่งช่วงนี้ SET อาจมีการชะลอตัวหรือพักฐาน อย่างไรก็ตาม หลังจากการยุบสภาและเข้าสู่ช่วงการเลือกตั้งเพื่อหาเสียง คาดว่าเงินทุนจะกลับมาหมุนเวียนในระบบมากขึ้น และส่งผลดีต่อ SET ปรับตัวดีขึ้น จังหวะนี้ยังสามารถมองเป็นโอกาสในการทยอยซื้อสะสมได้ โดยเฉพาะหากกระบวนการเลือกตั้งยังเดินหน้าไปตามแผน

ทั้งนี้ หากให้กลยุทธ์ลงทุน 1-2 เดือนก่อนเลือกตั้งมีกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลบวกชัดเจน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มค้าปลีก อาทิ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO เนื่องจากประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อรายได้ และ กลุ่มไฟแนนซ์ อาทิ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เพราะบางส่วนของการใช้จ่ายจะนำไปชำระหนี้เก่า และอาจก่อให้เกิดการกู้ใหม่

Back to top button