KSS แนะสะสม 4 หุ้น “China Play” ชี้มาตรการจีนกดดันตลาดหุ้นระยะสั้น

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุถึงข่าวจากทางการจีนเปิดเผยแนวโน้มใช้มาตรการควบคุมการเก็งกำไรใน ตลาดหุ้นจีน ซึ่งมีปัจจัยที่สนับสนุนการใช้มาตรการหลังมูลค่าตลาดของดัชนีหุ้นหลักของจีนอย่าง CSI 300 มูลค่าพุ่งขึ้นกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา

รวมถึงกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการปลดบางมาตรการที่สนับสนุนการเก็งกำไร อาทิ การห้ามขายชอร์ต เพื่อจำกัดความเสียหายกรณีเกิดการพลิกกลับแรงที่อาจกระทบผู้ลงทุนรายย่อย

ทั้งนี้ เมื่อดูที่รายละเอียดดัชนีหุ้นจีนที่ฟื้นตัวแรง เห็นได้จาก Shanghai Composite และ CSI 300 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากจุดต่ำสุดปีนี้ ทำให้ทางการกังวลเกิดฟองสบู่ซ้ำรอยปี 2015 โดยได้สั่งให้ธนาคารตรวจสอบการใช้เงินกู้ เพื่อเล่นหุ้นและสั่งโบรกเกอร์ห้ามโฆษณาเชิญชวนเปิดบัญชีใหม่มากเกินไป

รวมถึง มีการจำกัดการเผยแพร่คอนเทนต์เชิงเก็งกำไรในโซเชียลมีเดีย ของบางบริษัท อาทิ Ningbo, TIP Rubber และ Cambricon ต้องหยุดหรือเตือนนักลงทุนหลังหุ้นพุ่งผิดปกติ

แนวทางดังกล่าวเกิดขึ้นหลังปริมาณซื้อขายและธุรกรรมมาจิ้นในตลาดหุ้นจีนพุ่งทำสถิติใหม่ แม้ยังไม่ใช่การนำโดยรายย่อยเหมือนปี 2015 โดย Citic Securities บริษัทหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ระบุว่า การฟื้นตัวมาจากกลุ่มเงินใหญ่ เช่น นักลงทุนสินทรัพย์สูง และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ มากกว่ากระจายตัวทั่วตลาด

ขณะที่ ฝ่ายนักวิเคราะห์มีความเห็นว่าทิศทางแนวนโยบายดังกล่าวได้กดดันดัชนีหุ้นจีนปรับลงเช้านี้ 4 ก.ย.68 ได้แก่ CSI 300 ลดลง 2.5%, Shenzhen Component Index ลดลง 2.4%, Hang Seng Index ลดลง 1.22% หลังจากปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางถึงยาว ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังมองความเป็นไปได้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน เน้นการบริโภคภายในประเทศ, มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ และการควบคุมการแข่งขันด้านราคา (Anti-Involution Policy) เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาด อีกทั้ง มองการประชุม Plenum ในช่วงวันที่ 4 ต.ค.68  มีโอกาสเห็นชุดนโยบายสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลาย 68เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตของรัฐบาลที่ 5.0%

ส่วนใน “เชิงกลยุทธ์” ฝ่ายนักวิเคราะห์มองภาพดังกล่าวเป็นจิตวิทยาลบในระยะสั้น แต่เป็นโอกาสในการสะสมหุ้นกลุ่ม China Play หากราคาอ่อนตัว ได้แก่ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ให้ราคาพื้นฐานที่ 24.00 บาท, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ให้ราคาพื้นฐานที่ 175 บาท

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ให้ราคาพื้นฐานที่ 28.0 บาท บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP ให้ราคาพื้นฐานที่ 16.00 บาท

ส่วนในมุมมอง Asset Allocation ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังแนะนำสะสมตลาดหุ้นจีนสำหรับการลงทุนระยะกลางยาว ให้น้ำหนักเป็น Slightly Overweight โดยมีกองทุนที่แนะนำผ่านทางกองทุนกรุงศรีและ Krungsri iFund ได้แก่ KFCSI300-A (CSI300 ETF), KFACHINA-A (Active A-Shares), KF-CHINA (H-Shares ETF), MEGA10CHINA-A (Active H-Shares) และ KFCHINA-T10PLUS