
WTI ร่วง 2.54% หลุด 62 เหรียญ หวั่นดีมานด์ซบ–โอเปกพลัสจ่อเพิ่มผลิต
น้ำมัน WTI ปิดร่วงกว่า 2% หลุด 62 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐอ่อนแอ กดดันแนวโน้มความต้องการพลังงาน ขณะตลาดจับตาการประชุมโอเปกพลัส 8 ชาติ อาจเร่งเพิ่มกำลังผลิตเร็วกว่ากำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (5 ก.ย.) หลังรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอทำให้แนวโน้มความต้องการพลังงานลดลง ขณะที่อุปทานอาจเพิ่มขึ้นอีกหลังการประชุมของกลุ่มโอเปกและพันธมิตรในช่วงสุดสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.54% ปิดที่ 61.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 2.22% ปิดที่ 65.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สมาชิกกลุ่มโอเปกพลัส 8 ชาติจะพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมในการประชุมวันอาทิตย์นี้ (7 ก.ย.) ขณะที่สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจลดลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 75,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.
ตลาดมีความคาดหวังเพิ่มขึ้นว่า กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงรัสเซีย จะตัดสินใจเพิ่มปริมาณน้ำมันเข้าสู่ตลาดมากขึ้นในการประชุมวันอาทิตย์นี้ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกลับคืน โดยกลุ่มอาจเริ่มยกเลิกมาตรการลดกำลังการผลิตรอบที่สองราว 1.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือราว 1.6% ของความต้องการน้ำมันโลก เร็วกว่ากำหนด 1 ปี
นักวิเคราะห์ระบุว่า หาก 8 ประเทศในกลุ่มโอเปกพลัสเห็นชอบให้เพิ่มการผลิตอีก ก็จะกดดันราคาน้ำมันลงแรง เพราะปัจจุบันก็มีความเสี่ยงจากอุปทานส่วนเกินอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงด้านอุปทานยังหนุนตลาดอยู่ โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับผู้นำยุโรปว่า ยุโรปต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว
หากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียถูกตัดลดลงหรือเกิดการหยุดชะงักด้านอุปทาน ก็อาจหนุนราคาน้ำมันโลกให้สูงขึ้นได้
นักวิเคราะห์ของ JP Morgan ระบุว่า ยังมีความเสี่ยงที่ชาติตะวันตกจะเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้น เพื่อกดดันประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ให้นั่งโต๊ะเจรจายุติการทำสงครามกับยูเครน
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เข้าร่วมงานสวนสนามที่กรุงปักกิ่งเคียงข้างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนนั้น เป็นสัญญาณที่แสดงถึงการไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้องของทรัมป์ และสะท้อนว่าน้ำมันของรัสเซียจะยังคงอยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลก