
“CAAT” โชว์ศักยภาพ ไทยคว้าคะแนนสอบ ICAO ผ่านฉลุย 91.35% แซงค่าเฉลี่ยโลก
CAAT ประกาศความสำเร็จ ไทยคว้าคะแนนสอบ ICAO สูงถึง 91.35% ปลดภาพลักษณ์ธงแดง สู่ศูนย์กลางการบินที่น่าเชื่อถือในเวทีโลก
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท. หรือ CAAT) เปิดเผยผลการตรวจสอบระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินพลเรือน ภายใต้โครงการ USOAP CMA (Universal Safety Oversight Audit Programme – Continuous Monitoring Approach) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม – 8 กันยายน 2568 โดยการตรวจสอบครอบคลุมทั้ง 8 ด้านหลัก ได้แก่
1.ด้านกฎหมาย (Primary Aviation Legislation and Civil Aviation Regulations: LEG)
2.ด้านองค์กรกำกับดูแล (Civil Aviation Organization: ORG)
3.ด้านมาตรฐานผู้ประจำหน้าที่ (Personnel Licensing: PEL)
4.ด้านมาตรฐานปฏิบัติการอากาศยาน (Aircraft Operations: OPS)
5.ด้านมาตรฐานความสมควรเดินอากาศของอากาศยาน (Airworthiness of Aircraft: AIR)
6.ด้านมาตรฐานการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อากาศยาน (Aircraft Accident and Incident Investigation: AIG)
7.ด้านมาตรฐานการบริการการเดินอากาศ (Air Navigation Services: ANS)
8.ด้านมาตรฐานสนามบินและเครื่องช่วยในการเดินอากาศ (Aerodromes and Ground Aids: AGA)
ผลการตรวจสอบเบื้องต้น (Preliminary Results) เฉพาะในด้านที่ CAAT รับผิดชอบโดยตรง ได้แก่ กฎหมาย องค์กรกำกับดูแล การปฏิบัติการบิน ความสมควรเดินอากาศ การออกใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ การบริการการเดินอากาศ และสนามบิน มีคะแนน Preliminary สูงถึง 91.35% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 70.50% ถึงเกือบ 20% ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของระบบการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยการบินของประเทศ
นอกจากนี้ ประเทศไทยสามารถทำคะแนน เต็ม 100% ได้ถึงสองด้าน ได้แก่ กฎหมายการบิน (LEG) และ องค์กรกำกับดูแล (ORG) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกกว่า 20–30% ถือเป็นหลักฐานชัดเจนว่าประเทศไทยมีระบบกฎหมายการบินที่ทันสมัย ครอบคลุม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงมีองค์กรกำกับดูแลด้านการบินที่มีโครงสร้างและการดำเนินงานเข้มแข็ง ทัดเทียมกับประเทศผู้นำด้านการบินของโลก
การก้าวสู่ความสำเร็จในครั้งนี้นับเป็นพัฒนาการสำคัญ หากย้อนกลับไปในปี 2558 ประเทศไทยเคยถูก ICAO ตรวจพบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (SSC) ถึง 33 ข้อ ส่งผลให้ถูกติด “ธงแดง” และมีคะแนน EI
เพียง 33.53% แต่หลังจากการปฏิรูปองค์กรและการจัดตั้ง CAAT ประเทศไทยสามารถเร่งแก้ไขข้อบกพร่องจนสามารถปลดธงแดงได้ในปี 2560 และพัฒนาคะแนนอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งผล Preliminary ล่าสุดที่ 91.35% แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยไม่เพียงแต่ก้าวพ้นวิกฤต แต่ยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนมีระบบกำกับดูแลที่แข็งแรงและน่าเชื่อถือในสายตาสากล
ด้านพลอากาศเอก มนัท ชวนะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลการตรวจสอบ และคะแนน Preliminary ที่ออกมาในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความทุ่มเทของบุคลากรทุกฝ่ายในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยการบินของไทยให้ทัดเทียมระดับสากล การทำคะแนนได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกเกือบ 20% เป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนถึงความก้าวหน้าของประเทศไทย ทั้งในด้านกฎหมาย องค์กร และระบบ oversight ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขณะนี้เรารอเพียงผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ (Final Results) ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของประเทศไทยในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านความปลอดภัยการบินของโลก
CAAT จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาและยกระดับมาตรฐานนี้ และสิ่งสำคัญคือ ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดจาก CAAT เพียงลำพัง แต่เกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กรมท่าอากาศยาน สถาบันการบินพลเรือน สายการบิน และหน่วยงานพันธมิตรที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง ซึ่งร่วมแรงร่วมใจกันขับเคลื่อนภารกิจนี้ให้สำเร็จ เราจึงมั่นใจว่า ประเทศไทยจะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงบนเส้นทางการเป็นศูนย์กลางการบินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือของภูมิภาคและของโลก
ผลการตรวจสอบครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการยืนยันถึงความเชื่อมั่นที่ประชาคมการบินโลกมีต่อประเทศไทย แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการบินไทยในระยะยาว ทั้งในด้านการรองรับการเติบโตของสายการบิน การขยายเส้นทางบิน และการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสาร นักลงทุน และคู่ค้าระดับนานาชาติ โดยประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในภูมิภาคและในเวทีโลก