
สันติภาพนำการค้า! มติ GBC ให้ไทย-กัมพูชาถอนอาวุธหนัก ปูทางเปิดด่านถาวร “จันทบุรี-ตราด”
ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) มีมติให้ไทยและกัมพูชาดำเนินการถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน เพื่อลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจ ถือเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนในการปูทางสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยได้มอบหมายให้กลไกในระดับภูมิภาค (RBC) เร่งพิจารณาความเป็นไปได้ในการกลับมาเปิดจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (10 ก.ย.68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ระบุ ความคืบหน้าประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง แนวทางการดำเนินการเพื่อนำสันติภาพ ความสงบสุขนำพื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร วันนี้ เป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางในต่อไป
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อความฟื้นฟูความเชื่อมั่น หรือความไว้วางใจให้เป็นไปอย่างดังเดิม แต่สิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ มีดังนี้
1. ถอนอาวุธหนัก และยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการ GBC และ RBC จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์
2. เก็บกู้วัตถุระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการ GBC และสูงทุ่นระเบิดของถ่ายในกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ถูกระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน
3. ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซนเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย.ที่จังหวัดสระแก้ว
4. บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทยกัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบ GBC
5. หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภทบางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกRBC ไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า จุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด
นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว การประชุม GBC ครั้งนี้ ยังมีพัฒนาการสำคัญตรงที่ฝ่ายกัมพูชายอมรับแนวทางดำเนินการใน 2 ประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญ ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการตามข้อตกลงโดยเร็ว และจะกำหนดการประชุม GBC ครั้งถัดไปภายใน 30 วัน
“ผมได้คุยกับท่านเตีย เซียฮา ว่าประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราในวันนี้ คือเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับบ้านหนองจาน ขอความกรุณาให้ทางกัมพูชาตอบรับในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผลการประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกัมพูชา อย่างไรก็ตามก็ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาในการดำเนินการตามผลการประชุมวันนี้หรือไม่” พล.อ.ณัฐพล กล่าว