
WHA ปักหมุดปีนี้รายได้ 2 หมื่นล้านบาท ขายที่ดิน 2.35 พันไร่ -รับดีมานด์ดาต้าเซ็นเตอร์
WHA ตั้งเป้ารายได้ปี 68 แตะ 2 หมื่นล้านบาท ชูการเติบโตครบทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ดิจิทัล และโมบิลิตี้ รับแรงหนุนการย้ายฐานการผลิต-กระแสลงทุน Data Center ขนาดใหญ่ ดันไทยขึ้นแท่นฐานการลงทุนสำคัญในอาเซียน
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ที่ระดับ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วยกลุ่มโลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภคและพลังงาน, ดิจิทัล และโมบิลิตี้
โดยปีนี้ถือเป็นปีที่ท้าทายมากจากทั้งการเมืองและเศรษฐกิจโลก แต่ในความท้าทายกลับเปิดโอกาสใหม่ให้กับประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกระแสการย้ายฐานการผลิตจากจีน ซึ่งยังคงหนุนให้ไทยเป็นฐานการลงทุนที่น่าสนใจ
ขณะที่การลงทุนที่โดดเด่นอยู่ในกลุ่มดิจิทัลและศูนย์ข้อมูล (Data Center) มูลค่า 500,000 ล้านบาท (FDI 400,000 ล้านบาท) ตามมาด้วยกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์กว่า 100,000 ล้านบาท และกลุ่มยานยนต์ 45,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกเติบโต 15% หนุนให้ท่าเรือแหลมฉบังเดินเครื่องเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ที่ได้รับอานิสงส์จากการลงทุนใหม่
สำหรับ Data Center ถือเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” ที่สำคัญเสมือนถนนซูเปอร์ไฮเวย์สำหรับเทคโนโลยีและ AI แม้ไทยมีต้นทุนค่าไฟสูงกว่าเวียดนามและมาเลเซีย แต่ยังถูกกว่าสิงคโปร์ อีกทั้งยังมีไฟฟ้าสำรองกว่า 10,000 เมกะวัตต์เพียงพอต่อความต้องการ
ขณะเดียวกัน Data Center ใช้ไฟฟ้าตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้ช่วยกระจายต้นทุนไฟฟ้าและเสริมเสถียรภาพระบบพลังงาน อีกทั้งยังสอดคล้องกับทิศทางพลังงานสะอาดที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญ
“Data Center ไม่ใช่เพียงศูนย์ข้อมูล แต่คือรากฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลทั้งหมด ตั้งแต่ e-Commerce การพัฒนา AI ไปจนถึงระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข่งขันในเวทีโลก” นางสาวจรีพร กล่าว
ด้านตลาดเวียดนาม แม้ครึ่งปีแรกยอดขายนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ต่ำกว่าเป้าหมาย เนื่องจาก FDI หดตัวถึง 46% แต่ล่าสุดเริ่มฟื้นตัวเหลือ -20% และนักลงทุนกลับมาพูดคุยมากขึ้น คาดว่าครึ่งปีหลังจะเห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน WHA มีแผนขยายจาก 1 นิคมเป็น 5 นิคมภายใน 3-4 ปีข้างหน้า โดยมีโครงการใกล้ฮานอยที่เริ่มก่อสร้างแล้วหนึ่งแห่ง อีกแห่งเตรียมรับอนุมัติ พร้อมศูนย์โลจิสติกส์ใหม่ที่ทันหัวกว่า 300 ไร่
โดยหนึ่งในโครงการโลจิสติกส์ที่โดดเด่นคือ BRM21 ซึ่งมีการเช่าพื้นที่แล้วกว่า 85% โดยมีลูกค้ารายใหญ่เข้ามาเช่าต่อเนื่อง เช่น Mister DIY เช่ารวมกว่า 46,000 ตารางเมตร Lazada เช่า 35,000 ตารางเมตร และ Perfect Companion Group (PCG) ในเครือซีพี ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เช่ารวมกว่า 65,800 ตารางเมตร รวมแล้วเกือบ 150,000 ตารางเมตร สะท้อนถึงการเติบโตของลูกค้าขนาดใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการ
ขณะเดียวกัน WHA อยู่ระหว่างการพัฒนาเฟส 3 ของโครงการ โดยสร้างโรงงานขนาดเล็กที่ออกแบบตามลักษณะที่ดิน พร้อมขยายไปยังทำเลใหม่ย่านบางนา-ตราด กม.18 ซึ่งเก็บสะสมที่ดินมานานกว่า 5 ปี ปัจจุบันมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2-3 เท่า และสามารถพัฒนาได้มากกว่า 300,000 ตารางเมตร โครงการนี้ยังได้รับรางวัลอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โปรเจกต์ 2 พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) เป็นลูกค้ารายแรกเช่าพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร พร้อมขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยโครงการในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) แล้วเสร็จตามแผน และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาแห่งใหม่ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3,213,000 ตารางเมตร โดยมีเป้าปล่อยเช่าใหม่ 200,000 ตารางเมตร และแผนขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ WHART ประมาณ 70,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านบาท
ด้าน ชัยรินทร์ เนติพีระพงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WHA และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โมบิลิกส์ จำกัด เปิดเผยว่า ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Built-to-Suit ครบวงจรทั้งบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Solutions) โดยมุ่งเน้นตอบโจทย์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยเช่ารถในปีนี้เหลือ 539 คัน จากปัญหาซัพพลายเชน แต่แนวโน้มยังแข็งแกร่ง จากความต้องการของภาคขนส่งที่มุ่งลดคาร์บอน (Decarbonize Transportation) ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว
นายปจงวิช พงษ์ศิวาภัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAID เปิดเผยว่า ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม เป็นหัวใจสำคัญในการรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ปัจจุบันมีนิคมรวม 16 แห่งในไทยและเวียดนาม โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าดิจิทัลเทคโนโลยี เช่น Data Center ขยายตัวโดดเด่นคิดเป็น 16% ของฐานลูกค้าทั้งหมด
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ กำลังพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมกว่า 10,190 ไร่ ไฮไลต์ คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (WHA ESIE 5) พื้นที่กว่า 6,370 ไร่ ภายใต้แนวคิด Smart Eco Industrial Estate ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยเฟสแรกพร้อมส่งมอบในไตรมาส 3 ปีนี้ และคาดโอนแปลงแรกได้ในไตรมาส 1 ปี 2569 ส่วนในเวียดนาม ปัจจุบันมี 1 โครงการที่เหงะอาน (Nghe An) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มอีก 3 โครงการ รวม 3,391 ไร่ ภายในปี 2568-2569 พร้อมได้มีการลงนาม MOU กับจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ดานัง (Da Nang) และฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อรองรับการขยายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2568 รวม 2,350 ไร่ โดยมีราคาขายเฉลี่ย ต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่า 10%