
CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,285-1,310 จุด ชูหุ้นเด่น STECON-PTT
CGSI คาดกรอบ SET Index วันนี้ ณ ระดับ 1,285-1,310 จุด หลังดัชนีดาวโจนส์บวกต่อจากแรงหนุน FedEx และทองคำปิดบวก 5 สัปดาห์ติด ขณะที่น้ำมัน WTI ร่วงกดดันตลาด นักวิเคราะห์จับตาเงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) และตัวเลขส่งออกไทย ทั้งยังคงแนะลงทุนหุ้นเด่น STECON และ PTT
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ (22 ก.ย.68) สรุปภาพรวมตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (19 ก.ย.) และปิดเพิ่มขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้น FedEx ที่ปรับตัวขึ้นหลังรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,315.27 จุด เพิ่มขึ้น 172.85 จุด หรือ +0.37%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,664.36 จุด เพิ่มขึ้น 32.40 จุด หรือ +0.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,631.48 จุด เพิ่มขึ้น 160.75 จุด หรือ +0.72%
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันศุกร์ (19 ก.ย.) หลังจากบรรยากาศการซื้อขายในสัปดาห์นี้ได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจครั้งสำคัญของธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 554.12 จุด ลดลง 0.89 จุด หรือ -0.16%
สรุปภาพรวมสินทรัพย์อื่น ๆ สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ (19 ก.ย.) และบวกต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ห้า ขณะที่นักลงทุนจับตาสัญญาณเพิ่มเติมหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2568
อีกทั้ง สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 27.50 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 3,705.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 89 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 62.68 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ล้นตลาดและความต้องการที่ลดลง ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าความคาดหวังว่า การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภค
โดย SET Index : นักวิเคราะห์คาดกรอบ SET Index ณ ระดับ 1,285-1,310 จุด หลัง SET ไม่สามารถยืนบริเวณ 1,300 ได้หลังปรับตัวลดลงมาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาในสัปดาห์ที่แล้ว
สัปดาห์นี้ ประเด็นเศรษฐกิจที่ต้องจับตา ได้แก่ 1.) สหรัฐฯ : เงินเฟ้อ (PCE) ตลาดคาดเติบโต 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน / +0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และ เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core PCE) ตลาดคาดเติบโต 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน / +0.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 2.) ไทย : ตัวเลขส่งออก และ นำเข้า โดย ตลาดคาดเติบโต 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 9.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ
หุ้นแนะนำ บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ STECON: นักวิเคราะห์เชื่อว่า STECON จะทำรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาทและมี GPM อยู่ที่ 7% ทั้งปี 2568 ตามเป้าหมาย และ นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 214 ล้านบาท (+245% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน, +36% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า) ใน 3Q25 และปรับประมาณการกำไรทั้งปี 2568-2570 ตั้งแต่ -20% ถึง +5% (Take profit : 9.40 / Stop loss : 8.95)
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT: นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดก๊าซโลกจะมีอุปทานเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินงานโครงการ LNG ใหม่ ซึ่งน่าจะสูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์ในปี 2569-2570 ต้นทุน pool gas ของไทยมีแนวโน้มลดลงในปี 2572-2570 เนื่องจากราคาก๊าซในตลาด JKM ของเอเชียอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นผลดีกับ PTT และหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค (Take profit : 33.75 / Stop loss : 32.75)