“ดาโอ” ชี้ธปท. เปิดเฮียริ่งคุม “ดอกเบี้ยเช่าซื้อ” กระทบไฟแนนซ์-แบงก์ปลอดภัย

“ธปท.” เปิดเฮียริ่งกำหนดเพดานดอกเบี้ยธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ “บล.ดาโอ” ประเมินแบงก์ใหญ่ไม่กระทบปล่อยกู้ต่ำกว่าเพดาน แนะลงทุน“มากกว่าตลาด” ชู SCB–KTB รับปันผลสูง 7% ส่วนไฟแนนซ์พอร์ตเช่าซื้อสูงอย่าง KKP–TISCO เสี่ยงกระทบ Margin หากเพดานดอกเบี้ยเข้มงวดขึ้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (Hearing) เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ ระหว่างวันที่ 23 กันยายน – 7 ตุลาคม 2568 โดยปี 2569 จะมีพิจารณาข้อมูลเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินโครงสร้างต้นทุนที่เหมาะสม กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย และยกระดับมาตรการกำกับดูแลการให้บริการทางการเงินอย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ป้องกันการเกิด Moral Hazard และสร้างความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค

โดย ธปท. จะ พิจารณาข้อมูลของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อประเมินโครงสร้างต้นทุนและกำหนด เพดานอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ส่วนเรื่องการให้บริการทางการเงินอย่าง รับผิดชอบและเป็นธรรม (Market Conduct & Responsible Lending) ในปี 2569 จะทบทวนหลักเกณฑ์ฯ โดยผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงระดับเดียวกันจะ อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เดียวกัน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ประเด็นดังกล่าวมีผลกระทบจำกัดต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากปัจจุบันธนาคารมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ต่ำกว่าเพดานอย่างมีนัยสำคัญ เช่น รถยนต์ใหม่คิดดอกเบี้ยเพียง 4–5% ต่อปี ขณะที่เพดานที่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดล่าสุดอยู่ที่ 10% ต่อปี รถยนต์ใช้แล้วไม่เกิน 15% และจักรยานยนต์ไม่เกิน 23%

ด้วยเหตุนี้ DAOL จึงมองว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างต้นทุนและการปล่อยสินเชื่อยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าเพดานใหม่ที่อาจจะกำหนดในอนาคต

อย่างไรก็ดีกลุ่มบริษัทไฟแนนซ์ที่มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสัดส่วนสูงยังคงมีความเสี่ยงหาก ธปท. ออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะ KKP ที่มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อคิดเป็น 44% ของสินเชื่อรวม และ TISCO ที่อยู่ในระดับ 42% ขณะที่ TTB มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อคิดเป็น 29%, BAY มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อคิดเป็น 21%  และ SCB มีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อคิดเป็น 6% ซึ่งหากเพดานดอกเบี้ยถูกปรับลดลงจริง อาจกระทบส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Margin) โดยตรง และสร้างแรงกดดันต่อการทำกำไร

DAOL ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น มากกว่าตลาด” (Overweight) เนื่องจาก Valuation ยังอยู่ในระดับถูก โดยซื้อขายเพียง 0.65 เท่าของ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีถึง -1.25SD อีกทั้งอัตราผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่สูงถึง 7% เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยที่ 3%

ทั้งนี้ บล.ดาโอ ยังคงเลือก SCB ราคาเป้าหมาย 145 บาท และ KTB ราคาเป้าหมาย 27 บาท เป็นหุ้นเด่น (Top Pick) ของกลุ่ม เนื่องจากมีความแข็งแกร่งทางพื้นฐาน ให้ผลตอบแทนปันผลสูง และได้ประโยชน์จาก Valuation ที่ยังมีส่วนลดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน

แม้การเปิด Hearing ของ ธปท. อาจสร้างความกังวลในเชิง Sentiment ต่อหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ แต่ในทางปฏิบัติผลกระทบต่อกลุ่มธนาคารยังมีจำกัด และยังเป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง SCB และ KTB เพื่อรับผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ขณะที่กลุ่มไฟแนนซ์ยังต้องติดตามท่าทีของ ธปท. อย่างใกล้ชิดหากมีการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเข้มงวดมากขึ้น

Back to top button