“เจพีมอร์แกน” มองบวกกลุ่ม ปตท. เดินเกมแปลงสินทรัพย์ หนุนงบดุล คัด OR–PTTGC เด่น

“เจพีมอร์แกน” มองบวกกลุ่ม ปตท. หลังดีลแปลงสินทรัพย์เป็นรายได้ ช่วยหนุนงบดุลแกร่ง ปรับเพิ่มคำแนะนำ OR-PTTGC สู่ Overweight โดยเฉพาะ OR เด่นสุดในกลุ่มจากค่าการตลาดน้ำมันและกำไร Non Oil ที่หนุนต่อเนื่อง พร้อมปรับประมาณการ EPS ปี 68-69 ขึ้น 16% ขณะที่ TOP ขยับเป็น “ถือ”


เจพีมอร์แกน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(26ก.ย.2568) ว่า การขายสินทรัพย์และการปรับโครงสร้างล่าสุดของกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เป็นก้าวแรกในการปรับสินทรัพย์ของกลุ่มให้เหมาะสม เสริมความแข็งแกร่งให้กับงบดุล และเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น พร้อมกันนั้นยังได้ปรับอันดับความน่าสนใจหุ้นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ขึ้นเป็น Overweight (แนะนำ ซื้อ) โดยคาดว่าหุ้นจะมีผลประกอบการแซงตลาด จากค่าการตลาดที่มีเสถียรภาพและส่วนต่างน้ำมันที่ฟื้นตัว

อีกทั้งปรับหุ้นบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เป็น Neutral (แนะนำ ถือ) โดยคาดว่าบริษัทจะเห็นผลบวก 8 บาทต่อหุ้นจากการทำธุรกรรมปล่อยเช่าสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานกับปตท. ซึ่งทั้งกลุ่มปตท. เจพีมอร์แกนได้ปรับลำดับความน่าลงทุน ดังนี้ PTT,PTTGC,OR,TOP และ PTTEP

สำหรับการขายสินทรัพย์ล่าสุดจะก่อให้เกิดกระแสเงินสดจำนวนมาก โดย TOP จะได้รับเงินประมาณ 18,000 ล้านบาท และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ราว 9,000 ล้านบาท ผ่านธุรกรรมขายและเช่าคืน (sale-and-leaseback) กับบริษัท พีทีที แทงค์ (PTT Tank) ซึ่ง TOP ถือหุ้นใหญ่

แม้ว่าดีลดังกล่าวจะช่วยเสริมสถานะทางการเงินของบริษัทย่อย เจพีมอร์แกนเห็นว่า ตลาดอาจมองว่าบริษัทแม่อย่าง ปตท. ให้การช่วยเหลือทางการเงินกับบริษัทย่อยเพื่อลดภาระหนี้ของแต่ละบริษัท ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับโครงสร้างพอร์ตธุรกิจปลายน้ำของกลุ่ม และคาดว่า ปตท. อาจพิจารณาขายสินทรัพย์ของ PTT Tank ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขายสินทรัพย์วงเงิน 100,000 ล้านบาท

แม้ว่ากำไรของปตท. ยังคงถูกกดดันโดยเฉพาะหลังจากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ที่ไม่แข็งแกร่ง แต่บริษัทปลายน้ำ (TOP, PTTGC, OR) เห็นการปรับตัวได้ดีกว่าดัชนี SET ราว 15% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งนี้เกิดจากการปรับตัวในอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะในจีน) การบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ และความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับสูงขึ้น

เจพีมอร์แกนประเมินว่าการคืนผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นและมาตรการสร้างมูลค่าอื่น ๆ จะยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยการฟื้นตัวของกำไรจริงจะเห็นชัดเจนขึ้นในปีงบประมาณ 2569

สำหรับ OR เจพีมอร์แกนมองว่าผลประกอบการที่เหนือกว่าตลาดจะยังดำเนินต่อไป จากค่าการตลาดน้ำมันค้าปลีกที่สูงกว่า 35% และอัตรากำไรจากธุรกิจ non-oil ที่แข็งแกร่ง โดยตั้งราคาเป้าหมายที่ 16 บาทต่อหุ้น พร้อมปรับประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) หลักปี 2568-2569 ขึ้นราว 16%

ส่วน TOP ที่เป็นหุ้นเด่นที่สุดของกลุ่มในปีนี้ เจพีมอร์แกนปรับจาก Underweight เป็น Neutral โดยตั้งเป้าราคาไว้ที่ 37 บาทต่อหุ้น จากการขายสินทรัพย์และส่วนต่างดีเซลตามฤดูกาลที่คาดว่าจะช่วยหนุนราคาเพิ่มขึ้น แม้จะกังวลเกี่ยวกับกระแสเงินสดอิสระ (free cash flow) ที่เป็นลบ เนื่องจากงบลงทุน (capex) ของ TOP จะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน เจพีมอร์แกนยังคงคำแนะนำ Overweight สำหรับ PTTGC ที่ราคาเป้าหมาย 30 บาทต่อหุ้น และ Underweight สำหรับ PTTEP ที่ราคาเป้าหมาย 98 บาทต่อหุ้น

Back to top button