ลุ้น! ศาลปกครองตัดสินดีลควบรวม TRUE-DTAC ปมค่าบริการแพง-ลดการแข่งขัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 กันยายน 2568) ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญที่ สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นฟ้องเพิกถอนมติของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่อนุญาตให้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ควบรวมกิจการกับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC โดยอ้างว่าการควบรวมดังกล่าวสร้างผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคและลดการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเหลือผู้ให้บริการหลักเพียง 2 ราย

ทั้งนี้ก่อนการควบรวมเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2565 ตลาดมือถือไทยมีผู้ให้บริการรายใหญ่ 3 ราย แข่งขันด้านราคาและแพ็กเกจหลากหลาย แต่หลังการควบรวม ผู้บริโภคถูกจำกัดทางเลือก ขณะที่ค่าบริการปรับตัวสูงขึ้นและคุณภาพบริการลดลง

โดยงานวิจัยของ 101 Public Policy Think Tank ที่ติดตามผลกระทบตลอด 3 ปี ระบุว่าผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน ซึ่งคิดเป็น 80% ของตลาด ต้องแบกรับค่าบริการเพิ่มขึ้นถึง 12–16% ขณะที่แพ็กเกจราคาต่ำสุดบางรายการถูกยกเลิก เช่น อินเทอร์เน็ตบ้านไม่อั้นที่เคยเริ่มต้นเพียง 100 บาท ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นราว 191 บาท

ด้านสภาผู้บริโภคยังชี้ว่า กสทช. ละเลยการกำกับดูแล ไม่บังคับใช้เงื่อนไขที่กำหนดให้ลดค่าบริการเฉลี่ยลง 12% และไม่เปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือน (MVNO) เข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันถดถอยและผู้บริโภคเข้าถึงบริการได้ยากขึ้น

แม้ศาลชั้นต้นจะไม่รับฟ้องในปี 2565 แต่เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่ง โดยระบุว่าธุรกิจโทรคมนาคมเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีลักษณะกึ่งผูกขาด การควบรวมจึงส่งผลกระทบต่อประชาชนวงกว้างและควรอยู่ในขอบเขตที่ศาลพิจารณาได้

ทั้งนี้คำพิพากษาที่จะออกในบ่ายวันนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่จะไม่เพียงชี้ชะตาการควบรวมทรู–ดีแทค แต่ยังเป็นบรรทัดฐานต่อการกำกับดูแล การแข่งขัน และสิทธิการเลือกใช้บริการของผู้บริโภคในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยในอนาคตด้วย

อย่างไรก็ตามล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินให้ยกฟ้อง คดีควบรวม “ทรู–ดีแทค”