“กัณฑรา” มอง SET ไซด์เวย์ แนะ 3 ธีมเด่น รับรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ-ดอกเบี้ยขาลง

นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา มองตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบไซด์เวย์ แนะลงทุน 3 ธีมหลัก คือ หุ้นได้รับประโยชน์กระตุ้นเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยขาลง และผลประกอบการดีกว่าคาด ต้อนรับปลายปี


นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ว่าภาพรวมตลาดหุ้นไทยยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ (Sideway) ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่รอปัจจัยบวกใหม่จากต่างประเทศ โดยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ หากมีสัญญาณบวกจากธนาคารกลางสหรัฐเข้ามาหนุนเพิ่มเติม

ขณะนี้นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ในสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด หลังเกิดประเด็นปัญหาในภาคธนาคารรอบใหม่ ซึ่งมีลักษณะเกี่ยวข้องกับการทุจริตและขาดทุนอย่างหนัก แตกต่างจากรอบก่อนที่เป็นปัญหาด้านสภาพคล่อง ขณะเดียวกัน การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Government Shutdown ยังไม่มีความคืบหน้า

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 2 ครั้งในระยะถัดไป เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อกระแสเงินทุน และช่วยหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยให้กลับมายืนเหนือระดับ 1,330 จุดได้

ด้านปัจจัยภายในประเทศ กระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังไม่เห็นสัญญาณการไหลเข้าชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าเป้าหมายหลักของตลาดคือการรักษาสมดุลไม่ให้เกิดเงินทุนไหลออกเพิ่ม ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังขาดแรงดึงดูดการลงทุน เมื่อเทียบกับตลาดหลักในภูมิภาคที่มีน้ำหนักการลงทุนมากกว่า อย่างไรก็ดี หากธนาคารกลางสหรัฐ ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยจริง อาจเป็นแรงจูงใจให้เกิดการไหลกลับของเงินทุนบางส่วนในระยะสั้น

สำหรับภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ยังคงอยู่ในช่วง “โหมดกระตุ้นเศรษฐกิจ” ต่อเนื่อง จากทั้งรัฐบาลชุดรักษาการและรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงความจำเป็นในการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อพยุงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์แนะว่ามาตรการกระตุ้นควรดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายรอความชัดเจนของนโยบาย ซึ่งอาจกระทบต่อการหมุนเวียนของเงินในระบบได้

ทั้งนี้ แนะนำติดตาม 3 ธีมการลงทุนหลัก ที่มีโอกาสโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี ดังนี้

1.หุ้นได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศคาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ทั้งในรูปแบบการเพิ่มกำลังซื้อประชาชนและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาคึกคัก

2.หุ้นได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
การคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงเป็นปัจจัยบวกสำคัญต่อหุ้นในกลุ่มที่มีต้นทุนทางการเงินสูง หรือมีความน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ทางเลือกอื่นในภาวะดอกเบี้ยต่ำ หุ้นเด่นในกลุ่มนี้ได้แก่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, และบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC

3.หุ้นผลประกอบการดีกว่าคาด
ในช่วงที่ตลาดไม่ได้มีความคาดหวังสูงกับงบไตรมาส 3/68 หุ้นที่สามารถรายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าประมาณการ มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ดี โดยหุ้นที่ได้รับความสนใจในธีมนี้ ได้แก่ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ซึ่งประกาศงบออกมาเหนือความคาดหมายไปแล้ว และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่อาจได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากธุรกิจสินเชื่อ SME ที่ฟื้นตัว

โดยทางฝ่ายวิจัยมองว่า หากปัจจัยภายนอกเริ่มชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นกลับไปยืนเหนือระดับ 1,330 จุดได้อีกครั้ง

Back to top button