
ก.ล.ต. รับแจ้งหลอกลงทุน 7,924 ครั้ง ปี 68 ปิดบัญชีมิจฉาชีพกว่า 3,200 บัญชี
สำนักงาน ก.ล.ต. เผยสถิติ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ปี 2568 (1 ม.ค. – 15 ต.ค.) รับแจ้งเบาะแสรวม 7,924 ครั้ง พร้อมประสานปิดบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนแล้วกว่า 3,200 บัญชี มุ่งยกระดับความร่วมมือทุกภาคส่วน สกัดภัยการเงินออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามสถิติการดำเนินการของ “สายด่วนแจ้งหลอกลงทุน” ในปี 2568 (1 ม.ค. – 15 ต.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งเบาะแสหลอกลงทุน รวมทั้งสิ้น 7,924 ครั้ง ผ่านระบบรับแจ้งใน 7 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์สำนักงาน ก.ล.ต. (www.sec.or.th/scamalert) โทรศัพท์ (1207 กด 22) อีเมล ([email protected]) การเดินทางมายังสำนักงาน ระบบบริการสนทนา (Facebook และ Live chat) และไปรษณีย์ โดยมีบัญชีโซเชียลมีเดียเข้าข่ายหลอกลงทุนที่ประสานผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและหน่วยงานภาครัฐเพื่อปิดกั้น จำนวน 3,227 บัญชี โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้ปิดกั้นไปแล้วร้อยละ 100 ภายในเวลา 7 นาที – 48 ชั่วโมง และให้คำปรึกษาในเรื่องการหลอกลงทุน จำนวน 4,697 ครั้ง
ทั้งนี้ การดำเนินการปิดกั้นช่องทางการหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ประชาชนรายอื่นตกเป็นเหยื่อถูกชักชวนหลอกลงทุน และมีกระบวนการตรวจสอบ ตั้งแต่ตรวจสอบข้อมูล เก็บพยานหลักฐาน เตรียมเอกสารและข้อมูลเพื่อใช้ในการปิดกั้น ติดต่อผู้แจ้งเบาะแสเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ค้นหาข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแสเพิ่มเติม รวมถึงติดต่อผู้ถูกใช้ชื่อในการหลอกลงทุนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งการดำเนินการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นการหลอกลงทุนจริง และระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการปิดกั้นเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศในการป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจและหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ในประเทศ
(1) เปิดรับสายตรงจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 24.00 น. เพื่อให้ประชาชนหรือผู้ลงทุนที่จะดำเนินการแจ้งความและอายัดบัญชีกับ AOC 1441 แต่ยังไม่มั่นใจว่าถูกชักชวนหลอกลงทุนหรือไม่ ได้สอบถามข้อมูลก่อนการแจ้งความอายัดบัญชีเพื่อไม่ให้เกิดการแจ้งความเท็จเกิดขึ้น
(2) เข้าร่วมศูนย์บริการเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และด้านมนุษย์นานาชาติ (War Room) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยนำข้อมูลที่ผู้เสียหายที่ถูกหลอกลงทุนในตลาดทุนได้มีการแจ้งความมาดำเนินการตามกระบวนการของ ก.ล.ต.
(3) เพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูล SEC Check First บน Cyber Check* ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ประชาชนและผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบข้อมูลก่อนการลงทุน
(4) เข้าร่วม/จัดกิจกรรม แคมเปญ หรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความตระหนักรู้และป้องกันการถูกชักชวนหลอกลงทุนให้แก่ประชาชน ผู้ลงทุน และผู้ประกอบธุรกิจและหน่วยงานในตลาดทุน ซึ่งมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น
โครงการ “เสริมเกราะป้องกันให้บัญชีด้วย Brand Rights Protection & Meta Verified” โครงการให้ความรู้ภัยหลอกลวงออนไลน์ (Investment scam campaign) แคมเปญต้านภัยมิจฉาชีพออนไลน์ “Is This Legit?” และร่วมเสวนาในงานต่าง ๆ ร่วมกับ Meta Platform, Inc. และบริษัท เฟซบุ๊ก (ไทยแลนด์) จำกัด
แคมเปญ #คนไทยรู้ทัน ปี 2567 และ 2568 ร่วมกับบริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด หรือ เจ้าของแอปพลิเคชัน TikTok
เสวนา Smart Senior 2025 “วัยเก๋า ลงทุนฉลาด สมาร์ทดิจิทัล” ร่วมกับบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด
ต่างประเทศ
(1) เผยแพร่ข้อมูลกรณีหลอกลงทุนที่จัดแสดงบน SEC Investor Alert ของ ก.ล.ต. เข้าระบบ International Securities Commodities Alerts Network (I-SCAN)** ของ IOSCO
(2) เข้าร่วม APRC Working Group on Scams and Online Harms (SWG) Platform Providers (PPs) Engagement Sub-Group เพื่อร่วมวางแนวทางความร่วมมือและแนวทางดำเนินการในเรื่อง scams and online harms กับ PPs ในภูมิภาค