AOT ชงแผน “Master Plan” ฉบับใหม่ รองรับ “ฮับการบิน” พร้อมปรับ PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บ.

AOT เตรียมเสนอแผน Master Plan ฉบับใหม่ มุ่งยกระดับไทยสู่ Aviation Hub เต็มรูปแบบ พร้อมปรับค่า PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บาทครั้งแรกในรอบ 19 ปี สร้างรายได้รองรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เช่น South Terminal วงเงิน 120,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคนต่อปี


นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยผ่านงาน Skyconomy : Thailand’s Runways to Aviation Hub ในวันที่ 28 ต.ค.68 ว่าแผน Master Plan ฉบับใหม่พร้อมแล้วที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี โดยแผนฉบับนี้มุ่งสู่การยกระดับประเทศไทยให้เป็น Aviation Hub อย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการจะพัฒนาท่าอากาศยานของ AOT ให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาคนั้น การปรับค่า PSC มีความสำคัญ เพื่อให้ AOT มีรายได้มากขึ้นในการนำมาลงทุนพัฒนาโครงการต่างเพื่อเพิ่มรายได้ทั้งจากกิจการบิน (Aero) และมิใช่กิจการบิน (Non Aero)

ขณะนี้ AOT ได้นำส่งรายละเอียดการเสนอขอปรับขึ้นค่า PSC ไม่ต่ำกว่า 200 บาทไปยัง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) แล้ว จากก่อนหน้าที่เคยเสนอขอปรับขึ้น 5 บาท เนื่องจากเห็นว่า AOT มิได้มีการปรับขึ้นค่า PSC มายาวนานถึง 19 ปีแล้ว และอัตรา 5 บาทนั้น ได้รับการพิจารณาล่าช้าเนื่องจากรอแต่งตั้งกรรมการ กบร.ที่ขาดอีก 1 ราย AOT จึงว่าจ้างที่ปรึกษามาศึกษาอัตรา PSC ที่เหมาะสม และเสนอขอปรับขึ้นแบบปรับใหญ่ พร้อมทั้งเสนอ CAAT ให้ช่วยพิจารณาการปรับค่า PSC ทุก ๆ 5 ปี ตามมาตรฐานสนามบินทั่วโลกด้วย

ขณะเดียวกัน AOT จะต้องปรับรูปแบบการลงทุนให้ชาญฉลาด เช่น การลงทุนโครงการก่อสร้าง อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) วงเงิน 120,000 ล้านบาท รองรับผู้โดยสาร 70 ล้านคนต่อปี AOT จะแบ่งลงทุนเป็นเฟสตามอัตราการเติบโตของผู้โดยสาร เพื่อเป็นการทยอยลงทุนตามความเหมาะสมมิให้เป็นภาระแก่ AOT มากนัก เป็นต้น

ทั้งนี้ เชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะช่วยทำให้ AOT มีรายได้และกำไรมากขึ้น สามารถชดเชยผลกระทบจากสัญญากิจการพื้นที่ปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) คิง เพาเวอร์

ส่วนความคืบหน้าการศึกษาการแก้ปัญหาสัญญากับ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ ขณะนี้การศึกษาเสร็จเรียบร้อยแล้วและจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ AOT วันนี้ (29 ต.ค. 2568) โดยมี 2 ทางเลือกหลัก คือ 1.) ยกเลิกสัญญาและเปิดประกวดราคาหาผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้รายได้ของ AOT หายไปทันทีเป็นเวลาหลายเดือน

2.) แก้ไขสัญญาโดยเจรจากับคิง เพาเวอร์ ซึ่งที่ปรึกษาได้เสนอแนวทางการเจรจามา 8 แนวทาง และ AOT จะเลือกแนวทางที่ส่งประโยชน์ต่อ AOT มากที่สุด แต่ยอมรับว่าการการันตีรายได้ขั้นต่ำและอัตราส่วนแบ่งรายได้จะต้องลดลงแน่นอน เพียงแต่จะไม่ลดลงต่ำกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นอัตราที่ผู้เสนอราคาที่ได้คะแนนเป็นลำดับ 2 คือ กิจการร่วมค้าการบินกรุงเทพ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) เคยเสนอไว้ โดยคาดว่าสัญญาคิง เพาเวอร์จะได้ข้อยุติภายในเดือนพฤศจิกายน 2568

Back to top button