GULF โบรกแนะซื้อ เป้า 57 บ. ลุ้นกำไร Q4 ฟื้น รับพลังงานหมุนเวียน-ธุรกิจดิจิทัล

KKPS ประเมิน GULF โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 57 บาท ชี้ไตรมาส 4/68 ฟื้นตัว รับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะฤดูกาลลมที่อยู่ในช่วงพีค และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจดิจิทัล


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 57 บาทต่อหุ้น

โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรหลักของ GULF ในไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยไม่มีการเปรียบเทียบกับปีก่อนเนื่องจากการควบรวมกิจการระหว่าง GULF กับ INTUCH ตั้งแต่ 1 เมษายน 2568

ด้านกำไรสุทธิ (รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) คาดว่าจะอยู่ที่ 7 พันล้านบาท ลดลง 10% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจาก 650 ล้านบาทในไตรมาส 2/68 เหลือ 85 ล้านบาทในไตรมาส 3/68 ซึ่งสอดคล้องกับภาระหนี้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ของบริษัทราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้จากเงินปันผลธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC แล้ว ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า กำไรหลักของ GULF ในไตรมาส 3/68 จะเติบโต 10% จากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับทิศทางในไตรมาส 4/68 คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะฤดูกาลลมที่อยู่ในช่วงพีค และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงธุรกิจดิจิทัลที่เริ่มสร้างรายได้มากขึ้น จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” จากศักยภาพการเติบโตของเงินปันผลระยะยาว และโอกาสจากการขยายกำลังการผลิต

ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ของ GULF ในไตรมาส 3/68 จะลดลงเล็กน้อย 3% จากไตรมาสก่อน เหลือ 3.7 หมื่นล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากปริมาณยอดขายของโรงไฟฟ้า IPP ที่ลดลงตามฤดูกาล ขณะที่ยอดขายจาก SPP ให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมยังคงที่ที่ 6% ของยอดขายทั้งหมด

ด้าน EBITDA (รวมรายได้จากการถือหุ้น) คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน และรายได้จากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น แม้รายได้จากเงินปันผล (ส่วนใหญ่จาก KBANK) จะหดตัวลง 75% เหลือ 248 ล้านบาท แต่รายได้จากส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามาชดเชยในส่วนดังกล่าว

คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในไตรมาส 3/68 จะอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน โดยส่วนแบ่งจาก ADVANC (ซึ่งคิดเป็น 64% ของรายได้จากสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด) คาดว่าจะเติบโต 9% แตะ 3.8 พันล้านบาท สอดคล้องกับต้นทุนคลื่นความถี่ที่ลดลง

นอกจากนั้นแล้ว KKPS คาดว่า GULF จะมีส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Jackson ในสหรัฐฯ (กำลังการผลิต 1,200 เมกะวัตต์ และคิดเป็น 7% ของสัดส่วนกำลังการผลิตสำหรับ GULF) เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว แตะ 250 ล้านบาท จากอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้นราว 10 เท่า รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก Gulf Gunkul Corporation (GGC) ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่า แตะ 182 ล้านบาท รับอานิสงส์จากปริมาณผลผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมที่เพิ่มขึ้น

Back to top button