
TFM ยอดขายอาหารกุ้ง-ปลาพุ่ง! ดันกำไร Q3 นิวไฮแตะ 223 ล้าน โต 48%
TFM โชว์ฟอร์มแกร่ง! ไตรมาส 3/68 กำไรพุ่ง 47.8% ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 223 ล้านบาท รับอานิสงส์ยอดขายรวมโต 21.9% หนุนด้วยดีมานด์อาหารกุ้งเพิ่ม 29.4% และอาหารปลาโต 16.3% ดันอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 13.2% สะท้อนประสิทธิภาพธุรกิจแข็งแกร่ง
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TFM รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิดังนี้
โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.2% สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ต่อเนื่อง
ขณะที่รายได้รวมเติบโตโดดเด่นจากความต้องการอาหารสัตว์น้ำที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 21.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอาหารกุ้งซึ่งมียอดขาย 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.4% และอาหารปลามียอดขาย 460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์บกยังทรงตัว
ด้านอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 21.8% เพิ่มขึ้น 2.6% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและการปรับพอร์ตสินค้าที่เหมาะสม ส่งผลให้กำไรสุทธิพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13.2%
ด้านนายพีระศักดิ์ บุญมีโชติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยยอดขายและกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากความแข็งแกร่งของหลายกลุ่มธุรกิจ โดยมียอดขาย 1,694 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.9 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แรงหนุนหลักมาจากผลิตภัณฑ์อาหารกุ้งซึ่งเพิ่มขึ้นจากความต้องการในประเทศที่แข็งแกร่งของลูกค้ารายสำคัญ รวมถึงยอดส่งออกจากไทย ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารปลา มียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากแรงหนุนของปริมาณขายอาหารปลากะพงที่เพิ่มขึ้น สะท้อนการขยายส่วนแบ่งตลาดและความเป็นผู้นำของ TFM ในตลาดอาหารปลากะพงอย่างต่อเนื่อง
ด้านกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ทำได้ 370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.7 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น 21.8 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้น 2.6 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากยอดขายที่สูงขึ้น การปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูง และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเหลือ 7.1 เปอร์เซ็นต์ จาก 7.9 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุน อีกทั้งอัตราภาษีที่แท้จริงลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หลังจากเริ่มรับรู้สิทธิประโยชน์ BOI สำหรับการผลิตอาหารกุ้งที่โรงงานสงขลา และอาหารปลาที่โรงงานสมุทรสาคร ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 223 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.8 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิที่ 13.2 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนประสิทธิภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.46 เท่า
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มียอดขายรวม 4,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.8 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตอกย้ำการเติบโตที่มั่นคง นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 มีมติอนุมัติการขายเงินลงทุนทั้งหมดใน AMG–Thai Union Feedmill (Private) Limited (AGM-TFM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในปากีสถานที่ TFM ถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ เพื่อปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน และเพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงเสริมความสามารถการแข่งขันในธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ และแม้ AMG-TFM จะไม่เป็นบริษัทย่อยอีกต่อไป แต่ TFM ยังคงความร่วมมือในรูปแบบการสนับสนุนด้านเทคนิค โดยจะให้ความช่วยเหลือด้านความรู้และเทคโนโลยีการเลี้ยงกุ้งแก่ AMG-TFM ต่อไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFM กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเป้าหมายปี 2568 คาดว่ารายได้ของบริษัทฯ จะเติบโต 7–9 เปอร์เซ็นต์ จากโมเมนตัมที่แข็งแกร่งของธุรกิจอาหารกุ้งและอาหารปลาในประเทศไทย รวมถึงการฟื้นตัวของความต้องการในอินโดนีเซียหลังการระบาดของโรค คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พอร์ตโฟลิโอที่มีคุณภาพ และการบริหารต้นทุนวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่จะควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายให้อยู่ในระดับ 8–10 เปอร์เซ็นต์
“จากความสามารถในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างผลงานอันโดดเด่นของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการจนเป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและระดับสากล ส่งผลให้ บริษัทฯ สามารถคว้ารางวัลสำคัญ ได้แก่ รางวัลสุดยอด CEO รุ่นใหญ่ สาขาเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร จากงาน CEO Econmass Awards 2025 และรางวัล Thailand’s Best Managed Companies 2025 จากดีลอยท์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 สะท้อนความเป็นผู้นำที่มุ่งพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืนในระดับสากลอย่างแท้จริง” นายพีระศักดิ์ กล่าว
 
				

