
“สันติ ปิยะทัต” กำชับ “สสส.-สคบ.-OKMD” ผนึกกำลังป้องกันเยาวชน ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า
“สันติ ปิยะทัต” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการ สสส. สคบ. และ OKMD ผนึกกำลังกำหนดแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนไทย ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า เสริมเกราะป้องกันภัยสุขภาพ พร้อมเดินหน้ายกระดับความร่วมมือทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ เตรียมลงพื้นที่โรงเรียนในเขตกรุงเทพมหานคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ดร.พรภัทร์ รอดโพธิ์ทอง บุญถนอม เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนภูมิคุ้มกันและปกป้องกลุ่มเยาวชนให้ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ OKMD เพื่อผลักดันมาตรการเชิงรุกในการป้องกันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่กำลังคุกคามอนาคตของประเทศที่รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและบูรณาการจากทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการเชิงรุกเพื่อสกัดยับยั้งการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นระบบและจริงจัง พร้อมสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่นักเรียนระดับประถมศึกษา เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่สามารถปลูกฝังแนวคิดและพฤติกรรมที่ดีได้ง่าย เป็นการวางรากฐาน “ต้นกล้าที่ดี”เพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต ส่วนกลุ่มเด็กโต เช่น นักเรียนระดับมัธยมศึกษาและมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจเคยมีประสบการณ์หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าไปแล้ว จำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมีเหตุผล ภายใต้แนวทางการขับเคลื่อนงาน 4 ด้านหลัก ได้แก่
1.จัดทำชุดข้อมูลวิชาการที่ถูกต้อง โดย สสส. จะเร่งอัปเดตชุดความรู้ด้านสุขภาพเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ให้เข้าใจง่าย พร้อมใช้ในการสื่อสารและส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้องในโลกออนไลน์ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแทนข้อมูลบิดเบือน ผ่านศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (สจย.) ขณะที่ สคบ.จะจัดทำชุดความรู้ด้านกฎหมาย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับเยาวชนและสถานศึกษา
2.ออกแบบกิจกรรมที่เหมาะสม โดย OKMD จะเข้ามาช่วยในการกำหนดกลุ่มอายุและออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นกิจกรรมเชิงรุกและ Playful Learning (เรียนรู้ไปพร้อมเล่น) เช่น การสร้างนิทาน บอร์ดเกม และการประกวดคลิปวิดีโอ เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนค้นหาข้อมูลด้วยตนเอง
3.ใช้พลัง Influencer และเครือข่ายเยาวชน โดย สสส. จะดำเนินการสนับสนุนการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์หน้าใหม่ (Gen Z, Gen Strong) เพื่อขยายผลชุดความรู้ผ่านช่องทางที่วัยรุ่นเข้าถึง
4.เร่งรัดลงพื้นที่ โดย สคบ.ร่วมกับทั้งสองหน่วยงานลงพื้นที่สถานศึกษา โดยจะนำร่องในเขตกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนพฤศจิกายน เพื่อส่งเสริมการสร้างครูหรืออาจารย์ที่เป็นแกนนำในการให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับโทษและกฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าภายในสถานศึกษา ก่อนจะขยายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้เยาวชนไทยเติบโตอย่างมีสุขภาวะ ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านการขับเคลื่อนมาตรการแบบบูรณาการจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง และรัฐบาลพร้อมเดินหน้าเชิงรุกครบทุกมิติ ทั้งการรณรงค์ป้องกัน การปราบปราม และการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิด ให้สังคมไทยปลอดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างแท้จริง โดยขอความร่วมมือสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาทั่วประเทศ เร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าในทุกรูปแบบ หากพบเห็นการจำหน่าย สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือแพลตฟอร์มร้องเรียนออนไลน์ของ สคบ. โดยรัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างสังคมไทยที่ปลอดภัยและยั่งยืน
				
