
จับตา 4 หุ้น “น้ำตาล” เสี่ยงร่วง หลังจีนสั่งคุมเข้มน้ำเชื่อมไทย
จีนสั่งระงับนำเข้าน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมจากไทยทุกพิกัด หลังตรวจ 10 โรงงานไม่ผ่านมาตรฐาน GACC ส่งผลผู้ผลิตสูญรายได้จากตลาดจีนมูลค่าหลายพันล้านบาท ข้องใจมาตรฐานจีนเข้มปิดทุกช่องทางส่งออก หวั่นกระทบหนักต่อ 47 โรงงานแปรรูปน้ำตาล หวั่นกดดันหุ้นกลุ่มน้ำตาล 4 ตัวหลัก KSL- KBS- KTIS- BRR อาจส่งผลให้เสี่ยงราคาหุ้นปรับตัวลง
ผู้สื่อข่าวายงานว่า ว่าเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 68 นายทศพร เรืองพัฒนานนท์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมน้ำตาลแปรรูปไทย กล่าวถึง การส่งออกน้ำเชื่อม (Syrup) กับ น้ำตาลผสมล่วงหน้า (Premixed Powder) ซึ่งถูก สำนักงานศุลกากรจีน (GACC) สั่ง “ระงับ” การนำเข้าเป็นการชั่วคราวมาตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.2567 ว่า ตลอดปีที่ผ่านมา สมาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามแก้ปัญหามาโดยตลอด
ล่าสุด GACC ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจโรงงานผู้ประกอบการผลิตส่งออกรวม 10 บริษัทในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาปรากฏ ผลการตรวจโรงงานทั้ง 10 แห่งไม่มีโรงงานใดผ่านการรับรองและผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ GACC เลย
“GACC โดยการประสานจาก สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เข้ามาตรวจโรงงานตั้งแต่ ห้อง Clean Room ห้องฆ่าเชื้อ การแยกส่วนการผลิต สุขอนามัย ซึ่งแต่ละโรงงานลงทุนปรับปรุงหลายสิบล้านบาทเพื่อให้ GACC ปลดล็อกการส่งออกน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมไปจีน แต่พอ GACC แจ้งผลการตรวจสอบกลับมาปรากฏ ไม่มีใครผ่านการตรวจสอบเลย ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมทุกพิกัดไปยังประเทศจีนได้ สร้างความเสียหายเป็นจำนวนเงินหลายพันล้านบาท” นายทศพรกล่าว
ที่ผ่านมาหลังจากที่ GACC ระงับการส่งออกน้ำเชื่อม-น้ำตาลผสมล่วงหน้าไปจีนนั้น เป็นการระงับการส่งออกใน 2 พิกัดคือ 170290110 (Syrup) กับ 1702901200 (Premixed Powder) มาตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค 2567 แต่ผู้ส่งออกไทยได้ทำการปรับปรุงตัวสินค้าโดยหันไปส่งออกในพิกัด 2106 เป็นน้ำตาลผสมสีหรือสารประกอบอื่นๆ โดยจีนยอมผ่อนคลายให้มีการนำเข้าในพิกัดนี้ได้
ส่งผลให้ยังคงมีน้ำเขื่อมและน้ำตาลผสมจากไทยเข้าไปจำหน่ายได้คิดเป็นปริมาณหลายร้อยตู้คอนเทนเนอร์ แต่ตอนนี้ไม่สามารถส่งออกไปได้แม้แต่ตู้เดียว จะส่งออกไปได้ก็แต่น้ำตาลทราย แต่ก็มีโควต้าอีก สมาชิกสมาคมทั้ง 47 รายเดือดร้อนมาก ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้ผลิตส่งออกน้ำเชื่อม-น้ำตาลผสมคงต้องปิดโรงงาน ซึ่งทางสมาคมคาดการณ์ว่า สุดท้ายก่อนสิ้นปีคงเหลือโรงงานที่ยังเปิดอยู่ 3-5 โรงงานเท่านั้น เนื่องจากหันไปส่งออกน้ำตาลทรายหรือหาตลาดอื่นทดแทนตลาดจีน ซึ่งก็ยากมาก” นายทศพรกล่าว
นอกจากนี้ เนื่องจากสมาชิกสมาคมยังเป็นผู้รับซื้อน้ำตาลในอุตสาหกรรมแปรรูปเพื่อการส่งออกรายใหญ่สุดของประเทศหรือประมาณปีละ 3.6 ล้านตัน หากไม่สามารถส่งออกน้ำตาลแปรรูปในรูปของ น้ำเชื่อม-น้ำตาลผสมไปยัง ตลาดจีน ได้ การรับซื้อน้ำตาลจากโรงงานน้ำตาลในแระเทศก็จะลดลงมีผลกระทบต่อราคาอ้อยของชาวไร่อ้อยโดยตรง
ล่าสุด มีรายงานจาก สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตร ประจำกรุงปักกิ่ง (สปษ. ปักกิ่ง) เข้ามาว่า GACC แจ้งผลการตรวจสอบความปลอดภัยอาหารในสินค้าประเภทน้ำตาลของประเทศไทยหลังจากที่ไทยจัดส่งข้อมูลระบบควบคุมความปลอดภัยอาหารเพื่อประกอบการพิจารณาปลดระงับการนำเข้าให้กับ GACC ซึ่งส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจโรงงานในระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายนปรากฏว่า
GACC ยังคงยืนยันในหลักการ โรงงานผลิตส่งออกน้ำเชื่อม-น้ำตาลผสมล่วงหน้าไทยจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ หน่วยงานกำกับดูแล (Competent Authority หรือ CA) การตรวจโรงงานแม้จะมี ใบอนุญาตผลิตอาหารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่ยังมีการปฏิบัติไม่สอดคล้องตามมาตรฐาน เช่น การจัดโซนผลิตโซนสำนักงาน โซนวัตถุดิบในพื้นที่เดียวกัน ส่งผลให้โรงงานไทยไม่ผ่านมาตรฐานการป้องกันควบคุมความปลอดภัยอาหาร โดย GACC ได้ออกคำสั่งระงับการส่งออกน้ำตาลผสมและน้ำเชื่อมอีก 4 พิกัดเพิ่มเติมจากการสั่งระงับในปีที่ผ่านมา ได้แก่
(1) 1702909090 – Other sugars in solid form, syrups, caramels (including invert sugar and other sugar and syrup containing in the dry state 50% by weight of fructose)
(2) 2106906100 – Cane sugar or beet sugar solution containing added flavouring or colouring matter
(3) 2106906200 – Cane sugar, beet sugar and other food ingredients in simple solid mixture with more than 50% by weight of cane sucrose
(4) 2106909090(120) – Other food preparations (Syrup)
และยังระงับการยื่นเรื่องขอขึ้นทะเบียนในจีนของผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำเชื่อมและน้ำตาลผสมล่วงหน้าเป็นส่วนประกอบรายใหม่ของไทยต่อไปด้วย ทั้งนี้คำสั่งระงับการนำเข้าจะมีผลนับจากวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่สินค้าลงเรือไปยังจีน
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของกลุ่มหุ้นน้ำตาลปิดเมื่อวาน 6 พ.ย. 68 อย่าง บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL ปิดที่ระดับ 1.34 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 324.45 ล้านบาท
บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ KTIS ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 1.98 บาท ลบไป 0.02 บาท หรือ 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 60.83 ล้านบาท
บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 5.15 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,977 ล้านบาท
บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน)หรือ BRR ราคาหุ้นปิดที่ระดับ 3.52 บาท บวกไป 0.02 บาท หรือ 0.57% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 168.75 ล้านบาท

