
“สันติ ปิยะทัต” มอบภารกิจผู้ว่าฯ 76 จังหวัด ยกระดับสิทธิผู้บริโภคทั่วประเทศ
นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบภารกิจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ขับเคลื่อนการยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นระบบ ยึดหลัก “ความเป็นธรรม - รวดเร็ว - เท่าเทียม” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างทั่วถึง
วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อมอบนโยบายด้านการคุ้มครองผู้บริโภคแก่
ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ในฐานะประธานอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด
โดยมี ดร.อรุณ คงเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.พรภัทร์ รอดโพธิ์ทอง บุญถนอม เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้าร่วมประชุม
เพื่อให้การดำเนินงานสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน นายสันติ
จึงมอบนโยบายหลัก 5 ด้าน ได้แก่
1.ขับเคลื่อนการคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ปลอดภัยและมั่นคง โดยเน้น “ความเป็นธรรม ความรวดเร็ว และการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม” ผ่าน 5 นโยบายรัฐบาล ภายใต้แนวทาง “Quick Big Win” ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ชัดเจนและรวดเร็ว ได้แก่
1.1โครงการ “คนละครึ่งพลัส” (วันที่ 29 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2568) ดูแลคุ้มครองสิทธิประชาชนในการใช้จ่าย พร้อมเปิด 10 คู่สายรับเรื่องร้องเรียน
1.2. โครงการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนจากภัยเงียบ ด้วยมาตรการปราบปรามอย่างเข้มงวด พร้อมให้ความรู้และข้อมูลอย่างถูกต้อง
1.3. มาตรการลดค่าครองชีพเพื่อความเป็นธรรมในการอยู่อาศัย ห้ามเรียกเก็บค่าน้ำไฟเกินอัตรา เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย
1.4. นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยกำกับดูแลธุรกิจการเช่าต่าง ๆ ให้คิดค่าบริการอย่างเป็นธรรม
1.5. ผลักดันผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงและผู้ค้าออนไลน์ทุกราย เข้าสู่ระบบการจดทะเบียน เพื่อการตรวจสอบ ให้ผู้บริโภคได้รับรู้กิจการซื้อสินค้าและบริการที่ปลอดภัยจากผู้ประกอบการธุรกิจจดทะเบียนกับสคบ.
- แก้ไขปัญหาให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม ผ่านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท และการดำเนินคดี เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการคุ้มครองผู้บริโภค
- ส่งเสริมความรู้ด้านกฎหมายแก่ผู้ประกอบธุรกิจ ผ่านการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ และกำกับให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
- สนับสนุนการทำงานของคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัด ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ทั้งรับเรื่องร้องเรียน ตรวจสอบพฤติกรรมธุรกิจ ให้ความรู้ประชาชน และรายงานผลต่อส่วนกลางเป็นประจำทุกเดือน
- กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดน ให้ตรวจสอบและเฝ้าระวัง การลักลอบนำเข้าสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด มอก. มาจำหน่ายในพื้นที่และบนแพลตฟอร์มออนไลน์ทุกช่องทาง
นโยบายดังกล่าว สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนและเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้รายงานผลการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคประจำปี 2568 (1 ต.ค. 2567 – 30 ก.ย. 2568) มีการรับเรื่องร้องทุกข์ 4,103 เรื่อง จำนวนผู้ร้องทุกข์ 4,169 ราย ช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายรวม 85,630,298.50 บาท ตรวจสอบและดำเนินคดีผู้ประกอบธุรกิจ 69 ราย และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ประกอบธุรกิจให้ปฏิบัติถูกต้อง 2,873 ราย สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน

