Webull ตั้งเป้าปี 69 เพิ่มบัญชีผู้ใช้งานเท่าตัว-ขยาย AUM 4 หมื่นลบ. ดึงนักลงทุนรุ่นใหม่

บล.วีบูลล์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าโตปี 2569 เพิ่มบัญชีผู้ใช้งานอีกเท่าตัว จากปัจจุบันที่มีประมาณ 1 ล้านราย และขยาย AUM เป็น 40,000 ล้านบาท พร้อมขยายบริการ Prime และเปิดกองทุนรวมใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่องแม้มาร์จิ้นไม่สูง พร้อมโอกาสลงทุนต่างประเทศ ดึงนักลงทุนรุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดไทย


นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ วีบูลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยว่า บริษัทได้เริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และดำเนินการขยายธุรกิจอย่างเป็นขั้นตอนตามแผนที่วางไว้ โดยมีเป้าหมายสำคัญในปีแรก คือ การเปิดตัวแพลตฟอร์มให้สมบูรณ์ และได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมทั้งสร้างฐานผู้ใช้งานให้ครบ 1 ล้านบัญชีตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่แรก

บริษัทตั้งเป้าหมายให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) รวมทุกประเภท ทั้งเงินฝาก เงินสกุลดอลลาร์ หุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ให้แตะระดับ 10,000 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568

สำหรับปี 2569 บริษัทมีแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าอีกเท่าตัวจากปัจจุบันที่มีผู้ใช้งานประมาณ 1 ล้านราย และขยาย AUM เป็น 40,000 ล้านบาท หรือประมาณ 4 เท่าจากปี 2568 ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการขยายบริการที่มีอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Prime ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงการเตรียมเปิดตัวกองทุนรวมเพื่อขยายฐาน AUM ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น แม้ว่ามาร์จิ้นของกองทุนรวมอาจไม่ได้สูงมาก แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ามีแนวโน้มใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนขยายโอกาสการลงทุนต่างประเทศ เช่น การพาลูกค้าลงพื้นที่เพื่อดูงานในจีน และจัดกิจกรรม Company Visit ในสหรัฐอเมริกา โดยใช้ความได้เปรียบจากการที่บริษัทแม่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และผู้ก่อตั้งมีเครือข่ายแข็งแรงทั้งในสหรัฐฯ และจีน เพื่อให้ลูกค้านักลงทุนไทยเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกและสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่านักลงทุนทั่วไปในหลายประเทศ

นายชลเดช กล่าวอีกว่า แม้ว่าบริษัทจะยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขกำไรสุทธิสิ้นปี 2568 ได้ แต่ระบุว่าหากไม่นับงบการตลาด บริษัทอยู่ในสภาวะที่มีกำไรแล้ว และใช้กลยุทธ์ปรับงบการตลาดตามสภาวะตลาด ทำให้เห็นกำไรชัดเจนในปีที่ใช้งบการตลาดไม่สูง สำหรับผลประกอบการระดับโลก บริษัทเพิ่งประกาศผลไตรมาส 3 ซึ่งมีกำไรต่อหุ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ทั้ง AUM  และรายได้เติบโตใกล้เคียงระดับเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน และในทุกประเทศที่เปิดให้บริการใหม่ (ยกเว้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดหลัก) บริษัทตั้งเป้าเติบโตอย่างน้อยเท่าตัว เช่นเดียวกับตลาดไทยที่ตั้งเป้าเพิ่ม AUM จาก 10,000 ล้านบาทเป็นราว 30,000–40,000 ล้านบาทในปีหน้า

สำหรับบริการ Prime ปัจจุบันมีลูกค้าประมาณ 60 ราย และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 200 รายภายในสิ้นปีนี้ โดยลูกค้า Prime ซึ่งมีสินทรัพย์ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จะได้รับการดูแลโดย Relationship Manager ส่วนลูกค้าทั่วไปสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เปิดบัญชีออนไลน์ และฝากเงินได้โดยไม่มีขั้นต่ำ หุ้นสหรัฐฯ สามารถเริ่มซื้อได้ตั้งแต่ 1 ดอลลาร์ และเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์

ขณะที่หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศให้บริการตามเงื่อนไขของตลาด เช่น หุ้นฮ่องกงต้องซื้อขั้นต่ำ 100 หุ้น โดยค่าคอมมิชชันกำหนดที่ 0.1% สำหรับหุ้นสหรัฐฯ (ประมาณ 1,000 บาทต่อมูลค่า 1 ล้านบาท) และ 400 บาทต่อมูลค่า 1 ล้านบาท

โดยปัจจุบัน ผู้ใช้งาน Webull กว่า 1 ล้านราย มีลูกค้าที่เปิดบัญชีสมบูรณ์ (KYC สำเร็จ) ประมาณ 350,000 ราย หรือคิดเป็น 35% ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงในระยะเวลาเพียงปีเศษ จุดแข็งของ Webull คือ บัญชีเดียวสามารถเทรดได้ทุกตลาดทั่วโลก ทั้งหุ้นไทย สหรัฐฯ ฮ่องกง จีน และ Options โดยไม่ต้องแยกพอร์ต รวมถึงฟีเจอร์โอนเงินปันผลจากหุ้นต่างประเทศเข้าพอร์ตอัตโนมัติ และ Auto Dividend Reinvestment สำหรับหุ้นสหรัฐฯ

สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัท มีอายุเฉลี่ยประมาณ 32 ปี โดยครึ่งหนึ่งมีอายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ส่วนใหญ่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้นไทย บริษัทมุ่งหวังที่จะดึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่นี้เข้าสู่ตลาดไทยผ่านผลิตภัณฑ์คุณภาพและหุ้นปันผลที่แข็งแรง เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงโอกาสการลงทุนอย่างรอบด้านทั้งในและต่างประเทศ

Back to top button