
“กมลภพ” ส่งไม้ต่อ “มหัทธนะ” คุมธอส. หลังสร้างสถิติช่วยคนไทย ปล่อยสินเชื่อบ้าน 4.6 แสนล้าน
“กมลภพ” เอ็มดี ธอส.ทิ้งทวน เผยผลการดำเนินงานตลอด 2 ปี ปล่อยสินเชื่อใหม่แล้วกว่า 4.6 แสนล้านบาท พร้อมกอดคอ “สหภาพแรงงาน ธอส.” ให้สวัสดิการและโบนัสที่ดีที่สุด มั่นใจ “เป้-มหันทธนะ”สานต่อสบายเพราะมีประสบการณ์ทำงานที่กระทรวงการคลัง ย้ำกังวล “ธนาคารไร้สาขาที่ปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย” จะแข่งในตลาดยาก เพราะสู้ต้นทุน-ฐานข้อมูลที่ ธอส.มีไม่ไหว
อีกไม่กี่วัน 22 ธ.ค.2568 ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ (คุณเป้) ก็จะขึ้นแท่น MD ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขณะที่นายกมลภพ วีระพละ (พี่ต้น) กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คนปัจจุบันจะครบกำหนดเกษียณอายุในวันที่ 20 ธ.ค.นี้
โดยตลอด 2 ปีในตำแหน่ง MD พี่ต้นได้เล่าประสบการณ์และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่าเดิมตนเองมีตำแหน่งรองผู้จัดการฯ ที่ดูแลเฉพาะด้านบัญชีการเงิน โดยระหว่างเปิดรับสมัคร MD ไม่มีผู้สมัครจากภายในองค์กรที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ทำให้ต้องตัดสินใจสมัคร เพื่อรักษาการบริหารงานโดยคน ธอส
ซึ่งก็ยอมรับว่าการเป็น MD ต้องรับผิดชอบพนักงาน 5,000 คน และผลดำเนินงานที่ต้องรองรับกฎระเบียบใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย Responsible Lending ซึ่งส่งผลกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อและสร้างความกังวลต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของธนาคาร
พี่ต้นเล่าอย่างภูมิใจว่า เขาได้วางรากฐานเพื่ออนาคตให้ ธอส.ใน 2 โครงการหลักคือ
1.เปลี่ยนระบบ Core Banking มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของธนาคารให้รองรับการดำเนินงานต่อไปได้อีกอย่างน้อย 5 ปี และปรับโครงสร้างองค์กรด้วยโครงการสร้างความยั่งยืน มีหน่วยงานดูแล (Environmental, Social and Governance : ESG) การจัดตั้งหน่วยงานรองรับเกณฑ์ธุรกรรม IFRS9
และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ 2.การสร้างขวัญและกำลังใจพนักงาน ด้วยสวัสดิการและผลตอบแทนดีที่สุดแก่พนักงาน
“ผมให้ความสำคัญกับพนักงานสูงสุด จนกระทั่งประธานสหภาพแรงงานยังพูดติดตลกกับผมว่า ผมนึกไม่ออกว่าจะขออะไรเพิ่ม เพราะผมให้จนกลายเป็นปีทองของพนักงานแล้ว สะท้อนผ่านโบนัส”
สำหรับการเปลี่ยนผ่านผู้บริหารมาเป็น ดร.มหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ (คุณเป้) นั้น พี่ต้นมองว่า “คุณเป้” มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เป็นน้องใหม่ที่สุภาพ มีมุมมองที่ดีด้านการตลาด ประชาสัมพันธ์และไอที จุดแข็งที่สำคัญของผู้จัดการคนใหม่คือ เป็นคนกระทรวงการคลังทำให้ประสานงานและเชื่อมต่อนโยบายกับกระทรวงฯ ได้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากกว่าพี่ต้น เนื่องจากพี่ต้นเป็นคนใน ธอส.ซึ่งจะปลดล็อคการทำงานได้ง่ายมาก เพราะรู้จักคนกระทรวงการคลังทั้งหมด
ในแง่การบริหารงาน พี่ต้นกล่าวว่า ผลกำไรของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถเลี้ยงตัวเองได้ จ่ายโบนัสให้พนักงานในระดับที่พอใจ และสนับสนุนนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล
พร้อมกับตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ 200,000 ล้านบาท ภายใน 4 เดือน ซึ่งปัจจุบันปล่อยไปแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า ธอส.สามารถดำเนินงานตามนโยบายรัฐได้ดีโดยไม่ต้องมีการสั่งการเป็นพิเศษ และตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ธอส.ปล่อยสินเชื่อใหม่ดันเม็ดเงินลงสู่ระบบกว่า 460,000 ล้านบาท
สิ่งที่คุณต้นฝากไว้ให้คิดคือเรื่อง “ธนาคารไร้สาขา” (Virtual Bank : VB) ซึ่งภายใต้การบริหาร ธอส.สามารถทำโครงการธนาคารไร้สาขาได้อยู่แล้ว ไลเซนส์ ธอส.มีแล้ว แต่สิ่งที่กังวลคือ การปล่อยสินเชื่อของธนาคารไร้สาขาที่มาจากภาคเอกชน เนื่องจาก VB เหล่านี้ไม่มีฐานข้อมูลการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์
โดยปัจจุบันฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่ ธอส. เป็นระบบ Digital Appraisal ที่ดีที่สุดของไทย เพราะได้เตรียมความพร้อมภัยคุกคามจาก VB ไว้แล้ว การประเมินราคาหลักประกันแม่นยำรวดเร็ว ซึ่ง ธอส.สามารถแข่งขันและทำธุรกรรมออนไลน์แข่งกับ VB เอกชนได้อย่างสบาย มีต้นทุนต่ำและกระบวนการที่เชี่ยวชาญกว่า
การที่ VB จะกำหนดราคา Pricing สินเชื่อที่อยู่อาศัยให้ต่ำกว่า ธอส.จึงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากมีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่า และยังต้องอาจซื้อข้อมูลของ ธอส.ในการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์หรือว่าจ้างบริษัทเอเจนซี่รับประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์
สำหรับประวัติการศึกษาของพี่ต้น จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (KU 40) เคยทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในช่วงปี 2530-2532, ทำงานที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ธนชาติ (ปี 2535). พร้อมกับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในองค์กรต่างๆ เช่น ศรีมิตร, ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์กรุงเทพ ก่อนจะเข้าทำงานที่ ธอส. ในปี 2544 ดำรงตำแหน่งต่างๆ ใน ธอส. ตั้งแต่หน้าส่วนวิจัยฯ, ผู้ช่วย ผอ.ฝ่ายต่างๆ จนกระทั่งเป็น รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานการเงินและบัญชี และได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการ ธอส..
ส่วนรางวัลที่ได้รับล่าสุดคือ Banker of the Year 2025 หรือสุดยอดนักธนาคารแห่งปี 2025

