
TOA คว้าหุ้นยั่งยืน “SET ESG Ratings ปี 68” ระดับสูงสุด “AAA”
TOA คว้า SET ESG Ratings ระดับสูงสุด “AAA” ปี 2568 ต่อเนื่องปีที่ 6 เดินหน้า Net Zero 2050 ตอกย้ำผู้นำธุรกิจสีและเคมีภัณฑ์ก่อสร้างอย่างยั่งยืน
บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ผู้นำอุตสาหกรรมสีทาอาคารอันดับ 1 และเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของไทย สร้างประวัติศาสตร์ความสำเร็จครั้งสำคัญ โดยได้รับการประกาศผลการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับสูงสุด “AAA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction; PROPCON)
โดยการคว้าผลประเมินระดับสูงสุดในครั้งนี้ ถือเป็นการได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สะท้อนถึงพัฒนาการที่ก้าวกระโดดจากระดับ A ในปีก่อนหน้า สู่ระดับสูงสุดในปีนี้ ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในฐานะผู้นำธุรกิจที่มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
ในปีนี้ TOA แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยมีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า 90 คะแนนในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับคะแนนสูงถึง 97 คะแนน สะท้อนความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ผ่านการดำเนินงานภายใต้ภารกิจ 7 Green อย่างเป็นรูปธรรม
ผลการจัดอันดับดังกล่าวสะท้อนแนวทางการดำเนินธุรกิจของ TOA ที่บูรณาการหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เข้ากับกลยุทธ์ธุรกิจขององค์กรอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใส การบริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่าอย่างมีความรับผิดชอบ ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และกระบวนการดำเนินงานที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การได้รับ SET ESG Ratings ระดับ AAA คือบทพิสูจน์ว่ามาตรฐานการดำเนินธุรกิจของ TOA มีรากฐานที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ ก้าวต่อไปที่สำคัญคือการยกระดับการบริหารจัดการ ESG ให้เทียบเคียงมาตรฐานสากล โดยเราได้เตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบเพื่อเข้ารับการประเมิน FTSE Russell ESG Scores ในปี 2569 ต่อไป
ทั้งนี้ TOA ยังคงเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการกำหนดนโยบายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน โครงสร้างการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง การบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน ESG อย่างรอบด้าน และการเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้ารับการประเมินด้านความยั่งยืนในระดับสากล และการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับบริษัทชั้นนระดับโลก (Global Benchmarking) ในอนาคต

