จัดเต็ม! กลยุทธ์ลงทุนประจำ Q4/59เน้นเคาะหุ้นแลกการ์ด-เข้าช่วงไฮซีซั่น

จัดเต็มกลยุทธ์ลงทุนประจำ Q4 เน้นเคาะหุ้น 6 หุ้นแลกการ์ด ธุรกิจเข้าไฮซีซั่น ERW , CENTEL , HMPRO, ASK ,MTLS และSAWAD


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (บจ.) จากบทวิเคราะห์ที่น่าลงทุนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในไตรมาส 4/59 โดยได้นำข้อมูลจากบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส มานำเสนอ ซึ่งบทวิเคราะห์ครั้งนี้ได้คัดกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนไว้คือกลุ่มที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) และผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 มีแนวโน้มว่าจะโดดเด่น เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น โดยแบ่งเป็น กลุ่มท่องเที่ยว ,กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มเช่าซื้อ ซึ่งบจ.ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 6 ตัวด้วยกันดังนี้ ERW , CENTEL , HMPRO, ASK ,MTLS และSAWAD

ตารางแสดงราคาเป้าหมายและอัพไซด์ของบจ.

 

จะเห็นได้ว่าบจ.ข้างต้นยังมีอัพไซด์อยู่ค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากการที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด และราคาเป้าหมายที่สูงมาจากการที่นักวิเคราะห์มองว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกคอยหนุนธุรกิจ

 

โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (27 ต.ค.) โดยให้น้ำหนักต่อผลกำไรงวดไตรมาส 4/59 ที่คาดว่ากำไรจะโดดเด่น คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวและโรงแรม ค้าปลีก และกลุ่มเช่าซื้อ เป็นต้น เริ่มจากกลุ่มท่องเที่ยว คาดว่าเริ่มเข้าสู่ต้นฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งเริ่มจากเดือน ช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 ปีถัดไป  โดยจำนวนท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาไทยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 59 ยังเติบโตถึง 12%จากปีก่อนทั้งจากจีน (30% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด-สัดส่วนมากสุด)และรัสเซีย (3% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด-เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 20% หลังราคาน้ำมันฟื้นหนุนเศรษฐกิจดีขึ้น) โดยรวมหนุนให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้คาดว่าปี 2559 จะมีนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 33 ล้านคน เติบโต 10%จากปีก่อนซึ่งทำให้กำไรปกติของกลุ่มโรงแรมจะเติบโตถึง 21.5%จากปีก่อนและปีเติบต่อเนื่อง 12% ในปี 2560 โดยงวดไตรมาส 1/60 จะกำไรจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ 2560  เลือก ERW ([email protected])  และ CENTEL ([email protected]) เป็น Top picks  

ขณะที่กลุ่มค้าปลีกโดยปกติไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดสูงสุดของปีจากช่วงฤดูกาล แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งมีฐานที่สูงจากอานิสงส์นโยบายช็อปช่วยชาติ จะทำให้กำไรเติบโตจากปีก่อนในอัตราชะลอตัวลงได้ แต่โดยรวมประเมินกำไรกลุ่มปีนี้จะเพิ่มขึ้น 11% และคาดเติบโตต่อเนื่องปีหน้า 24% อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มค้าปลีกส่วนใหญ่เต็มมูลค่าแล้ว ยกเว้น HMPRO ([email protected]) คาดกำไรไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดสูงสุดของปี เติบโตราว 20%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนจากการเปิดสาขาใหม่ 4-5 แห่ง (โฮมโปรในประเทศ 2 แห่ง มาเลเซีย 1 แห่ง และ Mega Home อีก 1-2 แห่ง)  ทำให้ ASP  ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2559 ขึ้น 4.2% และ อีก 6% ในปี 2560 เพื่อรับรู้กำไรจาก Mega Home ที่เริ่มมีตั้งแต่ปี 2559 และโฮมโปร มาเลเซียทีคาดจะเริ่มคุ้มทุนในงวดไตรมาส 4/60 โดยรวมกำไรสุทธิจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 19%

อีกทั้งกลุ่มลิสซิ่ง คาดว่าผลกำไรจะทำจุดสูงสุด นำโดย สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกซึ่งเติบโตตามภาคการก่อสร้างจากการลงทุนของภาครัฐที่น่าจะทยอยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ทำให้เกิดความต้องการรถบรรทุกมากขึ้น อีกกลุ่มคือสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ตามยอดขายรถจักรยานยนต์ที่กระเตื้องขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขายปลายปี และการอัดฉีดเงินภาครัฐดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งสินเชื่อรายย่อย ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นในลักษณะเดียวกัน  ซึ่งดีต่อผู้ประกอบการสินเชื่อรายย่อย คือ ASK ([email protected]) , MTLS ([email protected]) และ SAWAD ([email protected]) และเลือกเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มฯ

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

X
Back to top button