APCO ทุ่มทุน ตั้ง 3 บ.ร่วม ดันกำไรพุ่งโบรกฯประสานเสียงเชียร์ซื้อ ชู P/E ต่ำ

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน)หรือ APCO ที่โบร์กเกอร์หลายสำนักต่างแนะนำให้ "ซื้อ" หลังกำไรไตรมาส 3/59 ทะยาน อีกทั้งแนวโน้มไตรมาส 4/59 ยังเติบโตสวย พร้อมทุ่มงบตั้งบริษัทร่วมทุนถึง 3 แห่ง หวังดันกำไรปี 60 โตโดดเด่น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ด้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์  บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO ที่โบร์กเกอร์แนะนำให้ “ซื้อ” หลังกำไรไตรมาส 3/59 ทะยาน อีกทั้งแนวโน้มไตรมาส 4/59 ยังเติบโตสวย พร้อมทุ่มงบตั้งบริษัทร่วมทุนถึง 3 แห่ง หวังดันกำไรปี 60 โตโดดเด่น

ทั้งนี้บริษัทมีอัพไซด์ 14.55% จากราคาเป้าหมาย 1.89 บาท นอกจากนี้บริษัทมี P/E อยู่ที่ 40.53 เท่า ต่ำกว่าตลาดหลักทรัพย์ mai ที่อยู่ที่  60.15 เท่า

 

ตารางคำแนะนำของโบร์กเกอร์สำนักต่างๆ

apcoo

 

โดย บริษัทเอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งบริษัทร่วมทุนฝ่ายละ 50% ใน “บริษัท ภูมิภิวัฒน์ จำกัด” สถาบันทางการแพทย์ดูแลรักษาการติดเชื้อไวรัส และโรคติดเชื้อรุนแรง เตรียมเปิดให้บริการภายใน ธ.ค.นี้ พร้อมตั้งเป้าธุรกิจสร้างยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ APCO เติบโตก้าวกระโดดในปี 60 และช่วยผลักดันรายได้ในปี 60 เติบโตมากกว่า 10% จากการขยายช่องทางการขายผ่านบริษัทร่วมทุน

ทั้งนี้ บริษัท ภูมิภิวัฒน์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท รูปแบบการดำเนินงานแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ บริษัท Elite Life Coach จำกัด (ELC) บริหารจัดการภาพรวมการให้บริการและการดูแลรักษาผู้ป่วยภายในสถาบัน และ APCO บริหารจัดการด้านผลิตภัณฑ์แก่ผู้ป่วย

สำหรับ รูปแบบการดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนดังกล่าว จะเป็นสถาบันทางการแพทย์ และการวิจัยเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อ HIV และรักษาผู้ป่วยเอดส์ รวมทั้งผู้มีปัญหาไวรัสตับอักเสบ B และ C ที่สามารถลุกลามเป็นมะเร็งตับ

บริษัทมีความเชื่อมั่นในนายแพทย์สมโภช นิปกานนท์ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนที่มีความเชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ด้านดูแลรักษาการติดเชื้อไวรัสและโรคติดเชื้อรุนแรง โดยศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเหล่านี้สามารถสร้างฐานกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น จากทั้งในและต่างประเทศ ผนวกกับผลลัพธ์ในประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์บริษัท จะส่งผลต่อยอดจัดจำหน่ายปี 60 มีแนวโน้มสร้างรายได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 60 เติบโตได้มากกว่า 10% โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเริ่มดำเนินงานของบริษัทร่วมทุนทั้ง 3 แห่ง ที่เตรียมเปิดดำเนินการในเดือน ธ.ค. ทำให้บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมากขึ้นช่วยสนับสนุนรายได้ของบริษัท อีกทั้งแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าที่อาจจะมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นจะช่วยทำให้ยอดขายผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามด้วย

โดยบริษัทร่วมทุนใหม่ที่เหลืออีก 2 บริษัท เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ APCO ผ่านช่องทางดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง และเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมทาภายนอก และเครื่องสำอาง ของ APCO นั้น บริษัทคาดว่าจะทำการเซ็นสัญญาความตกลงร่วมทุนกันได้ภายในไม่เกินสิ้นเดือน พ.ย.นี้ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินกิจการและมีรายได้เข้ามาตั้งแต่เดือนธ.ค.59 เป็นต้นไป

บริษัทร่วมทุน 1 แห่งจะร่วมทำธุรกิจอีคอมเมิร์ชจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปทั่วโลก ภายใต้ชื่อบริษัท เอซี พลัส โกลบอล จำกัด ซึ่ง APCO และพันธมิตรในประเทศถือหุ้น 50:50 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการขยายตลาดผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปสู่ต่างประเทศ โดยพันธมิตรมีฐานลูกค้าในประเทศเวียดนาม ฟิลลิปปินส์ และออเตรเลียอยู่แล้ว

ส่วนบริษัทร่วมทุนอีก 1 แห่ง จะร่วมกับบริษัท สมาพันธ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทครีมทาภายนอกและเครื่องสำอาง เช่น ยาทาคลายปวดกล้ามเนื้อ และยาทาแผล ซึ่งพันธมิตรมีความสามารถและความชำนาญในการทำการตลาดและจัดจำหน่าย ซึ่งเป็นโอกาสที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวของบริษัทที่มียอดขายไม่ได้ดีมากนัก สามารถช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง โดยบริษัทนี้จะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรในสัดส่วน 50:50 ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท

 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด  ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.89 บาท โดยมองว่า 1) เป็นผู้พัฒนาสินค้าที่สกัดจากสารธรรมชาติรายเดียวในไทยที่ผลิตภัณฑ์วิจัยและพัฒนาขึ้นเองจึงทำให้มีมาร์จิ้นสูง 2) เริ่มมีพัฒนาการสำคัญที่จะหนุนให้กำไรให้โตอย่างมั่นคงในระยะยาว เช่น เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายที่มีต้นทุนต่ำ และจับมือพันธมิตรเพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มช่องทางขายใหม่ๆ ซึ่งคาดหนุนกำไรช่วง 2 ปีนี้โตเฉลี่ยปีละ 15.6% และ 3) ฐานะการเงินแข็งแกร่ง

อีกทั้งบริษํทเริ่มมีพัฒนาการที่น่าสนใจ คาดหนุนกำไรโตสดใสในระยะยาวด้วยแรงหนุนจากยอดขายที่มีแนวโน้มเติบโตดีตามการเพิ่มขึ้นของฐานผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ APCO เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม, โรคเบาหวานและมะเร็ง, โรค HIV และ AIDS และกลุ่มที่ต้องการบำรุงวุ้นในตา บวกกับ กระแสตอบรับที่ดีขึ้นจากลูกค้าของศูนย์สุขภาพ BIM Healthcare Center และกลุ่มขายตรง หลังเพิ่มการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขาศูนย์ปรึกษาสุขภาพอีก 2 แห่งในปี 2560 รวมทั้งจับมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ จึงคาดปี 59  APCO จะมีกำไรสุทธิ 122 ล้านบาท โต 20.8% จากปีก่อน และโตต่อ 10.6% ในปี 60

นอกจากนี้บริษัทยังมีความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงินและโอกาสเติบโตที่ดีของผลดำเนินงานเริ่มเห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญซึ่งคาดจะหนุนกำไรให้เติบโตได้เฉลี่ยปีละ 15.6% ในช่วง 2 ปีนี้ อีกทั้งยังมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยสิ้นช่วงไตรมาส 3/59 มีฐานะเงินสดสุทธิ 404 ล้านบาท และไม่มีหนี้ที่มีดอกเบี้ยจ่ายเลย ขณะที่มี CFO เฉลี่ยปีละ 140 ล้านบาท ซึ่งคาดเพียงพอรองรับงบลงทุนที่ตั้งไว้ราวปีละ 40 ล้านบาท ส่วนมูลค่าพื้นฐานปี 60 ที่ 1.89 บาท 

 

ขณะเดียวกัน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งะบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.80 บาท โดยมองว่ากำไรไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท ขยายตัวดี 14%จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 54%จากปีก่อนโดยเครื่องจักรการขายขับเคลื่อนมาจาก BIM Health Care Center และ จากนักธุรกิจขายตรง         

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 คาดว่าระดับผลกำไรจะยืนได้เหนือ 30 ล้านบาท เนื่องจากช่องทางขายหลัก 60% (ตัวแทนขายตรง) ของ APCO ยังทำงานได้เป็นปกติ ขณะที่การทำตลาดผ่าน Social media ก็เริ่มทำได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่ากระแสของผลิตภัณฑ์เพื่อผู้ป่วยมะเร็งเต้านม จะสามารถสร้างการรับรู้ (Awareness) ได้ดีอย่างต่อเนื่องในปี 60

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 59 ก็สะท้อนว่า ปีที่ยากลำบากของ APCO ได้ผ่านพ้นไปแล้ว อีกทั้งกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการ Apco Cancer Moon Shot ก็จะสนับสนุนให้ปีหน้าเข้าสู่โหมดของการเติบโตอีกครั้งได้อย่างมั่นใจ 

 

ด้านราคาหุ้น APCO ปิดตลาดวานนี้ (29 พ.ย.) อยู่ที่ 1.65 บาท ลบ 0.02 บาท หรือ 1.20% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 14.78 ล้านบาท

X
Back to top button