เปิดโผ 9 หุ้นรับอานิสงส์มาตรการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” โบรกฯชู BJC,CENTEL,CPN ท็อปพิค!

เปิดโผ 9 หุ้นรับอานิสงส์มาตรการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เน้น กลุ่มซ่อมแซม-ต่อเติมบ้าน,แฟชั่น,อุปกรณ์ไอที,ห้างสรรพสินค้า โบรกฯชู BJC,CENTEL,CPN ท็อปพิค!


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐในโครงการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” ซึ่งเปิดลงทะเบียนวันแรกวานนี้ (21 มิ.ย. 2564) โดยให้โควตาสูงสุด 4 ล้านสิทธิ โดยมีเงื่อนไขไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และใช้สิทธิคนละครึ่งเฟส 3 ซึ่งจะให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน เมื่อใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน ผ่าน G-Wallet เริ่มจับจ่าย 1 กรกฎาคมนี้

ทั้งนี้จากการสำรวจและรวบรวมข้อมูลจากโบรกเกอร์ชั้นนำของไทย อาทิ บล.เอเซีย พลัส,บล.กรุงศรี และบล.คิงส์ฟอร์ด คาดว่ามาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” จะเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่มีสัดส่วน ค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จสูง เช่น กลุ่มซ่อมแซม-ต่อเติมบ้าน,กลุ่ม แฟชั่น,กลุ่มอุปกรณ์ IT  และห้างสรรพสินค้า อาทิ HMRO,DOHOME,CRC,COM7,SPVI ,CPN,BJC,CPALL และ ZEN ซึ่งได้ระบุในบทวิเคราะห์ดังนี้

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจากช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาครัฐเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ ▪ โครงการคนละครึ่งเฟส 3 พบว่ามีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมี ประชาชนลงทะเบียนไปแล้วจำนวน 27.9 ล้ายราย คิดเป็นสัดส่วนถึง 90% ของจำนวนสิทธิทั้งหมดที่รัฐกำหนดไว้ที่ 31 ล้านราย โดยโครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่รัฐร่วมจ่ายค่าสินค้า-บริการ 50% ของยอดใช้จ่าย

ส่วนสัปดาห์นี้วานนี้(21มิ.ย.64)เป็นวันแรกที่รัฐเปิดให้ลงทะเบียนโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” โดยรัฐจะสนับสนุน e-Voucher ผ่าน G-Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง อัตรา 10-15% ปัจจุบันพบว่ามีผู้ลงทะเบียนไปแล้วราว 1 แสนราย จากจำนวนสิทธิ ทั้งหมด 4 ล้านสิทธิ

ทั้งนี้ ผู้ลงทะเบียนทั้ง 2 โครงการจะเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นต้นไป ซึ่ง ASPS ประเมินว่ามาตรการทั้ง 2 จะช่วยประคองการบริโภคเอกชน และรักษาการฟื้น ตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 3/2564 เอาไว้ได้ และด้านผลบวกต่อตลาดหุ้น ASPS ให้ น้ำหนักในส่วนของมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้เป็นหลัก เพราะมาตรการคนละครึ่งมักไปเน้นที่ ร้านค้ารายย่อย

โดยคาดว่ามาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้จะเป็นบวกต่อหุ้นค้าปลีกที่มีสัดส่วน ค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จสูง เช่น กลุ่มซ่อมแซม-ต่อเติมบ้าน (HMRO, DOHOME), กลุ่ม แฟชั่น (CRC), กลุ่มอุปกรณ์ IT (COM7, SPVI) และหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้า (CPN, BJC) โดยรวมหุ้น Top pick ที่ฝ่ายวิจัยแนะนำ ยังคงเลือก BJC, CENTEL และ CPN

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลยุทธ์ประจําสัปดาห์: ภาพรวมไม่ดี Fund flow ยังมแนวโน้มไหลออกกดดันหุ้น Big Cap หลัง Fed meeting ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 25566 นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันเพิ่มขึ้น หลังจากล่าสุดประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยออกมาระบุว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่ปีหน้าเพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อที่เร่งขึ้น เบื้องต้นให้กรอบ SET Index สัปดาห์นี้ที่ 1,580-1,630 จุด

กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นกลุ่มที่มี ปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อาทิ กาไรสุทธิไตรมาส 2/2564 จะออกมาดี, ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า และได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นกําลังซื้อจากภาครัฐ อาทิ กลุ่มค้าปลีก,ค่าเงินบาทอ่อนค่า แม้จะเป็นลบต่อภาพรวมการลงทุนแต่จะเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกอาทิ กลุ่ม ส่งออกอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ส่วนกลุ่มค้าปลีกจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นกําลังซื้อของภาครัฐ โดยวานนี้เปิดให้ลงทะเบียนมาตรการ “ยิ่งใช้ ยิ่งได้” เป็นวันแรกให้สิทธิทั้งหมด 4 ล้านคน เป็นบวกต่อ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง,กลุ่มห้างสรรพสินค้า และกลุ่มขายมือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ โดยหุ้น Top Pick สัปดาห์นี้คือ EPG HMPRO และ KCE

โดย HMPRO แนะนำ”ซื้อ”เป้า 19 บาท คาดได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้เริ่มใช้ 1 ก.ค.- 31 ธ.ค. 64 และยังเป็นหุ้นหลักใน Them เปิดเมืองเพราะมีรายได้จากเมืองหลักและท่องเที่ยวคิดเป็น 70% ของรายได้รวม

 

บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กลุ่ม Domestic Play / Reopening Play วันนี้(21มิ.ย.64)เปิดลงทะเบียนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้หนึ่งใน โครงการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของ ประชาชนในกลุ่มที่มีกําลังซื้อสูง โดยที่รัฐจะสนับสนุน E-Voucher ค้าสินค้าและบริการที่เข้า ร่วมโครงการ ซึ่งจะให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน เมื่อใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน ผ่าน G-Wallet โดยธุรกิจที่เข้าเงื่อนไขได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร/เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ความงาม

ดังนั้นในมุมมองของเรามองเป็นบวกต่อกลุ่ม ธุรกิจดังกล่าวโดยตรง การจับจ่ายสินค้าประเภท Discretionary ที่มีมูลค่าสูงน่าจะมี Pent up demand เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนที่ทําได้เป็นวงกว้างขึ้น แนะนําเก็งกําไร CPALL CRC,HMPRO,COM7 และ ZEN

 

ด้านน.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันแรก (21 มิ.ย.64) ตั้งแต่เวลา 06.00 น.-22.00 น. จนครบ 4 ล้านสิทธิ

โดยคุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ จะต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทยที่มีบัตรประจำตัวประชาชน อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หรือไม่ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3

ส่วนผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการของรัฐ อาทิ ชิมช้อปใช้, เราเที่ยวด้วยกัน, คนละครึ่ง, เราชนะ, ม33เรารักกัน, สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หรือผ่าน g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการข้างต้น สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com

ทั้งนี้ เมื่อประชาชนลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จะได้รับ SMS แจ้งสิทธิภายใน 3 วัน โดยก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการจะต้องยืนยันตัวตนเพื่อใช้ g-Wallet บนแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ด้วยบัตรประจำตัวประชาชน โดยผู้ที่ไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน สามารถยืนยันตัวตนได้ที่สาขาธนาคารกรุงไทย (KTB) หรือตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย หรือผู้ที่มีแอปพลิเคชัน KrungthaiNext สามารถยืนยันตัวตนผ่าน KrungthaiNext ได้

น.ส.กุลยา กล่าวว่า เมื่อยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว จะใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าหรือบริการ ได้แก่ ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ค่าบริการนวด สปา ทำผมทำเล็บ (ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัล (Gift voucher) บัตรเงินสด (Gift card) และสินค้าหรือบริการที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า เพื่อรับบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) กับร้านค้าที่ติดตั้งแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-30 กันยายน 2564 ในเวลา 06.00 น.-23.00 น.

โดยวงเงินใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ e-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาทต่อคน ซึ่งยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิต้องไม่เกิน 5,000 บาทต่อคนต่อวัน และจะได้รับสิทธิ e-Voucher สะสมสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการ

ทั้งนี้ ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1-40,000 บาทแรก ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน และยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001-60,000 บาท ได้รับ e-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งสิทธิ e-Voucher จะคืนเป็นวงเงินเข้าใน g-Wallet ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป ทั้งนี้สามารถใช้จ่ายด้วย e-Voucher ที่ร้านที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม-31 ธันวาคม 2564 โดยไม่สามารถแลกเป็นเงินสดได้

ข้อมูลณ วันที่ 17 มิ.ย. 2564 เวลา 22.00 น. มีจำนวนผู้ประกอบการร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 29,734 ราย

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

Back to top button