อย่าช้า! สอย 8 หุ้นพลังงานสุดแกร่งกำไร Q1 โตเกิน 50% รับน้ำมันขาขึ้น

อย่าช้า! สอย 8 หุ้นพลังงานสุดแกร่ง นำทีม SGP, TPCH, SUSCO, AGE, GUNKUL, GPSC, PTG และ EGCO กำไรโตเกิน 50% รับเทรนด์ราคาน้ำมันตลาดโลกขาขึ้นรอบใหม่


อย่าช้า! สอย 8 หุ้นพลังงานสุดแกร่ง นำทีม SGP, TPCH, SUSCO, AGE, GUNKUL, GPSC, PTG และ EGCO กำไรโตเกิน 50% รับเทรนด์ราคาน้ำมันตลาดโลกขาขึ้นรอบใหม่  

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/59 ในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai กลุ่มทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตเกิน 50% มานำเสนอได้แก่ SGP, TPCH, SUSCO, AGE, GUNKUL, GPSC, PTG และ EGCO เนื่องจากหุ้นดังกล่าวสร้างกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง สวนทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างสวยงาม

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ทิศทางราคาน้ำมันเริ่มดีดกลับ โดยเห็นได้จากตลาดล่วงหน้า Brent ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล (ล่าสุด 49.28 เหรียญฯต่อบาร์เรล)  ขึ้นทำระดับสูงสุดของปี เช่นเดียวกับน้ำมันดิบดูไบที่สามารถขึ้นไปยืนเหนือระดับ 45 เหรียญฯต่อบาร์เรล อีกทั้งปัญหาในแหล่งผลิต ทั้งในแคนาดาจากเหตุการณ์ไฟไหม้แหล่งผลิต Oil Sand ขนาดใหญ่ และการโจมตีท่อส่งน้ำมันในประเทศไนจีเรีย รวมถึงปัญหาการเมืองในเวเนซุเอล่า กดดันให้ปริมาณ Supply ในตลาดโลกลดลง ผ่อนคลายปัญหา Over supply ตรงนี้สะท้อนให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จังหวะนี้ถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่มีหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง และอนาคตสดใส แถมเข้ากับบรรยากาศราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนจึงมีแนวโน้มจะได้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมนั่นเอง

 

โดยอันดับ 1 คือ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 40.16 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.04 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 11,118% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 0.36 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.00 บาทต่อหุ้น

โดยสาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้นในไตรมาสดังกล่าวเนื่องจาก ยอดขายในกลุ่มลูกค้าปลีกของธุรกิจการจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 30 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง

ขณะที่บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตขึ้นราว 5% มาที่ระดับ 6 หมื่นล้านบาท จากปี 58 ซึ่งมีรายได้ที่ 5.8 หมื่นล้านบาท และมียอดการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เติบโต 5% มาที่ราว 3 ล้านตัน จาก 2.85 ล้านตันในปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากปริมาณการขาย LPG ในต่างประเทศเป็นหลักที่บริษัทเน้นกลยุทธ์การขายปลีกเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งปีนี้บริษัทได้ขออนุญาตในการนำเข้า LPG เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับชายแดนของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้นจากปีก่อนที่ยังไม่มียอดขายส่งออกในส่วนนี้

 

อันดับ 2 บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง  จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 31.29 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.078 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 2,218% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.35 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.003 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานที่กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพิ่มขึ้น

บล.ซีไอเอ็มบีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การเติบโตของกำไร TPCH จะค่อยๆ เพิ่มจากการทยอยเริ่มโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ โดยมีปัจจัยบวกมาจากการชนะประมูล และได้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงการเก็บค่าธรรมเนียมของ CRB และความสำเร็จในการทำ M&A คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท

 

อันดับ 3 บริษัท ซัสโก้ จำกัด(มหาชน) หรือ SUSCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 76.10 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.07 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 614% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.65 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการขายและค่าการตลาดเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น

บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ราว 20,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนรายได้มาจากการจำหน่ายน้ำมันในประเทศ 50% จำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปให้กับสปป.ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา 30% พร้อมเดินหน้าขยายสถานีบริการน้ำมัน

 

อันดับ 4 บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 14.06 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.00853 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 115% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6.55 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.00401 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนขายและบริการลดลงเนื่องจากบริษัทมีนโยบายลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบและต้นทุนโลจิสติกส์ ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น แม้ว่ายอดขายรวมจะลดลง ขณะที่บริษัทตั้งเป้าปริมาณยอดขายถ่านหินปีนี้เพิ่มขึ้น 10% จากปี 58 โดยเน้นการขยาย ยอดขายภายในประเทศ และเปิดตลาดขายถ่านหินไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน

 

อันดับ 5 บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 93.37 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.07 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 93% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 48.22 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.05 บาทต่อหุ้น เนื่องจากรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างและรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นมาก

บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังเดินหน้าหางานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้ Backlog สูงขึ้น

 

อันดับ 6 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 871 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.58 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 531.38 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.47 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าและไอน้ำซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการมีลูกค้ารายใหม่รับผลิตสินค้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับเงินปันผลจากบริษัท RPCL

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” GPSC ปรับราคาเหมาะสมปี 59 ขึ้นจาก 30.00 บาทต่อหุ้น เป็น 35.00 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากผ่านช่วงการลงทุน ผลประกอบการของ GPSC จะมีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้นในระยะยาวสัดส่วน P/E จะทยอยลดลง นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าราคาหุ้นยังมี Upside จากโครงการในอนาคต เนื่องจาก GPSC ยังมองหาการลงทุนเพิ่มตามแผนระยะยาวที่จะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 2,800 MW ภายในปี 62 ขณะที่ปัจจุบันนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือ (รวมที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง) เพียง 1,922 MW 

 

อันดับ 7 บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยีจำกัด (มหาชน) หรือ PTG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 295.99 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.18 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 164.6 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.10 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีปริมาณยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงกำไรขั้นต้นยังคงสูง

บริษัทยังคงเป้าปริมาณการขายปีนี้เพิ่มขึ้น 30-40% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงการตั้งเป้าเพื่อเพิ่มจำนวนสถานีบริการ โดยคาดว่าจะมีการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่ดำเนินการโดยบริษัท (สถานีบริการน้ำมัน COCO) อีก 300 สถานี และสถานีแก๊สแอลพีจีอีก 50 สถานี

 

อันดับ 8 บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 2.59 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 4.92 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 69% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.53 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 2.91 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานที่มีกำไร เนื่องจากมีกำไรจากการไฟฟ้าเพิ่มขึ้น  

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มไตรมาส 2/59 ของ EGCO ยังคงดีต่อเนื่อง และโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ (KN4) จะช่วยหนุนผลประกอบการครึ่งหลังปี 59 แนะนำ “ซื้อ” โดยปรับราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มเป็น 214.00 บาท จากเดิม 174.00 บาท 

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button