ตาแทบค้าง! หุ้น SET-mai กำไร Q1 หดเกิน 50%

ตาค้าง! หุ้น SET-mai กำไร Q1 หดเกิน 50% ยังมีลุ้นกำไรฟื้นตัวไตรมาสที่เหลือ เหตุพื้นฐานยังแกร่ง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 1/59 ในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai โดยพบว่ามีหุ้นที่กำไรสุทธิลดลงเกิน 50% มากถึง 23 ตัวด้วยกัน นำโดย BROOK, JAS, TAKUNI, BCP, KTIS, FNS, SYMC, ASIMAR, RPC, JSP, PDI, ROJNA, ASIAN, K, CSS, TRUBB, DAII, EARTH, SAMART, MFEC, SITHAI, SAMTEL และ VTE

ทั้งนี้ หากสังเกตหุ้นที่กำไรลดเกิน 50% อันดับ จะเป็นหุ้นในกลุ่มทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มเทคโนโลยี ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งจะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาและพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และวางระบบสื่อสาร ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ลดลง อีกทั้งต้นทุนการขายและบริการสูงเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ไม่สดใส แต่เชื่อว่าไตรมาสที่เหลือผลงานหุ้นเหล่านี้จะกลับมาทำกำไรและสามารถฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวรอบใหม่ ส่วนหุ้นที่เหลือหากมีการบริหารจัดการต้นทุนการขาย-บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อว่าผลงานที่เหลือของปีนี้จะกลับมาสดใสอีกครั้งได้เช่นกัน

 

ตารางหุ้นที่ผลประกอบการลดลงเกิน 50%

 

อันดับ 1 บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BROOK รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 9.71 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 99% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 752.87 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.19บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานที่มีกำไรลดลง เนื่องจากรายได้จากการขายและการบริการลดลง  เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ รับรู้รายได้ค่าบริการที่ปรึกษาจากผลสำเร็จของงานจากสองโครงการใหญ่ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในไตรมาสแรกของปี นี้งานค่าบริการที่ปรึกษายังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

 

อันดับ 2 บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 84.69 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น ลดลง 99%  เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.28 หมื่นล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 1.83  บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานที่มีกำไรลดลง เนื่องจากบริษัทย่อย JASMBB ถูกริบเงินประกันการประมูลจำนวน 644 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้ไปรับใบอนุญาตในการประมูลคลื่นความถี่ 900 MHz รวมถึงมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขาย-บริหารเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามกรณีของ JAS ยังต้องติดตามต่อหลังที่ประชุมคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทค. เตรียมพิจารณาผลสรุปการคิดค่าเสียหายและค่าเสียโอกาสกรณีบริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ไม่ชำระค่าประมูลคลื่น 900 MHz วงเงิน 75,654 ล้านบาท

เบื้องต้นได้คำนวณการเรียกค่าเสียหายรวมค่าจัดประมูลใหม่ ไม่เกิน 130-150 ล้านบาท ซึ่งคำนวณค่าปรับรายวัน นับจากวันที่ 22 มีนาคม – 27 พฤษภาคม 2559 กสทช.อาจต้องยื่นฟ้องหรือเรียกแจส มาชำระเพิ่มเติม นอกเหนือจากการริบเงินค้ำประกัน 644 ล้านบาท

 

อันดับ 3 บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 0.93 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น ลดลง 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.071 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวลงเนื่องจาก กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการลดลงจำนวน 16.07 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจขายแก๊ส LPG

ด้านนายประเสริฐ ตรีวีรานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ วางกลยุทธ์ทางธุรกิจในปีนี้เน้นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ด้วยการรุกงานธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ด้าน oil & gas และงานบริการทางด้านวิศวกรรม

     

อันดับ 4 บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ  46.60 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.03 บาทต่อหุ้น ลดลง 96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.04 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.75 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวที่ปรับตัวลงเนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการลดลง ส่วนใหญ่ลดลงจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับลดลง

ส่วนปีนี้บริษัทมีแผนลงทุนขยายธุรกิจโรงงานผลิตเอทานอลเพิ่มอีก 1 แห่ง และขยายสถานีบริการน้ำมันบางจากเพิ่มขึ้นอีก 60 แห่ง โดยในไตรมาสแรกมีการดำเนินการไปแล้ว 10 แห่ง ส่งผลให้ปัจจุบันมีสถานีบริการทั้งสิ้น 1,078 แห่ง

 

อันดับ 5 บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.59 (รวมบริษัทย่อย)มีกำไรสุทธิ 49.65 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.01 บาทต่อหุ้น หรือลดลง 91% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 554.95 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.14 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานที่มีกำไรลดลง เนื่องจากรายได้จากธุรกิจเอทานอลลดลง ขณะที่ต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้น

บริษัทคาดปีนี้จะมีผลกำไรไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาทเข้ามาจากธุรกิจไฟฟ้า หากโรงไฟฟ้า 2 แห่งใหม่สามารถผลิตได้เต็มกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าไทยเอกลักษณ์เพาเวอร์ที่จังหวัดอุตราดิตถ์ได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วในวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา การรับรู้รายได้จึงเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง และโรงไฟฟ้าอีกแห่งหนึ่งคือรวมผลไบโอเพาเวอร์จะเริ่มรับรู้รายได้ราวช่วงไตรมาส 3/59

 

ขณะที่หุ้นอันดับ 6-23 เป็นหุ้นมีผลกำไรสุทธิลดลงตั้งแต่ 51-85% ดังตารางประกอบ

 

*ทั้งนี้ ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่า นั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button