ศบค.ชุดเล็ก เบรกปรับพท.สีแดง 5 จังหวัด แต่มอบอำนาจ สธ.-มท. หารือเพิ่มมาตรการคุมเข้มโควิด

ศบค.ชุดเล็ก เบรกปรับพท.สีแดง 5 จังหวัด แต่มอบอำนาจ สธ.-มท. หารือเพิ่มมาตรการคุมเข้มโควิด


พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค.เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ชุดเล็กวันนี้ (7 เม.ย.64)  ยังไม่ได้เห็นชอบให้มีการปรับพื้นที่โซนสีใหม่ตามข้อเสนอของศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข (EOC) กระทรวงสาธารณสุข โดยยังคงให้ยึดแนวปฏิบัติตามมาตรา 9 ของ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉบับที่ 15 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 แต่มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขไปหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อหาข้อสรุปในการควบคุมการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพต่อไป โดยเฉพาะกรณีของสถานบันเทิง เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจสั่งปิดสถานบันเทิง และกิจการต่าง ๆ อยู่แล้วภายในกฎหมายดังกล่าว

“ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กมีข้อสรุปว่า มาตรการที่มีอยู่เดิม ก็มอบอำนาจให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมหารือกับกระทรวงมหาดไทย หาข้อสรุปที่มีประสิทธิภาพ และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีที่สุด ดังนั้นยังไม่มีการปรับพื้นที่สีตามที่คณะกรรมการ EOC เสนอมา แต่ขอให้ประชาชนติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วง 1-2 วันนี้ สาธารณสุขและมหาดไทยจะหารือกันอย่างละเอียดในเรื่องนี้” พญ.อภิสมัย ระบุ

ส่วนความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดที่อาจจะมีเพิ่มมากขึ้น ภายหลังสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์นั้น พญ.อภิสมัย กล่าวว่า หลังเทศกาลสงกรานต์อาจจะได้เห็นรายงานผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ใหม่เพิ่ม ซึ่งรวมถึงการติดเชื้อในบุคคลใกล้ชิดภายในครอบครัว เนื่องจากเป็นช่วงที่มีการเดินทางกลับภูมิลำเนากันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หากไม่มีความจำเป็นต้องเดินทาง ขอให้อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติร่วมกันอีกครั้ง รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการด้านสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย เว้นระยะห่าง และเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่ชุมชนหรือพื้นที่เสี่ยง

อย่างไรก็ดี ศบค.ไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพียงแต่ขอให้ผู้ที่เดินทางปฏิบัติตัวตามประกาศหรือข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด เนื่องจากบางจังหวัดอาจจะมีข้อกำหนดสำหรับผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่เสี่ยง ซึ่งจำเป็นต้องกักตัว 14 วันก่อน เป็นต้น ขณะเดียวกันพื้นที่ไหนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาด คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติจะพิจารณาจัดสรรวัคซีนโควิดให้แก่พื้นที่นั้นๆ ด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าการจัดสรรวัคซีนสำหรับ 77 จังหวัดสามารถทำได้ตามเป้าหมายในล็อตแรก ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่วัคซีนล็อตใหญ่จะมาถึง โดยคาดว่าประมาณเดือนมิ.ย.นี้ จะสามารถฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนทั่วไปได้

ทั้งนี้ ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. – 6 เม.ย. มีจำนวนการได้รับวัคซีนรวมแล้ว 323,989 โดส คิดเป็นผู้ที่รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว 274,354 ราย และเข็มที่สอง 49,635 ราย

Back to top button