
MC โชว์กำไร Q3 โตแตะ 188 ล้าน รับรายได้ “ขายออนไลน์” พุ่ง-คุมต้นทุนเด่น
MC รายงานกำไรไตรมาส 3 โต 14% แตะ 188 ล้านบาท รับยอดขายออนไลน์พุ่ง ลุยจับมือ TikTok Shop เสริมแกร่ง LIVE Commerce ย้ำแนวโน้มไตรมาส 4 โตสองหลัก
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ภายใต้แบรนด์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีบัญชี 2568 (1 ม.ค. – 31 มี.ค. 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 ล้านบาท หรือ 14.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 165 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.3% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 16.4%
โดยในไตรมาสดังกล่าว รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 1,067 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 ล้านบาท หรือ 7.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแรงหนุนหลักมาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะโครงการ “Mc JEANS X TikTok Shop Live Base” ซึ่งเปิดตัว LIVE Based Studio ที่ Mc Outlet เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมการทำ Live Commerce ผ่าน TikTok โดยตรง
ทั้งนี้ จากการเติบโตต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติดกัน ส่งผลให้งวด 9 เดือนของปีบัญชี 2568 (1 ก.ค. 2567 – 31 มี.ค. 2568) แม็คกรุ๊ปมีกำไรสุทธิรวม 626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49 ล้านบาท หรือ 8.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 577 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิที่ 19% เพิ่มขึ้นจาก 17.9% ในปีก่อนหน้า และอัตรากำไรขั้นต้นยังอยู่ในระดับสูงที่ 64.3%
สำหรับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเติบโตของรายได้ รวมถึงการบริหารต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนจากนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt การแจกเงินผู้สูงอายุ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
นายเจมส์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า รายได้จากช่องทาง E-Commerce ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104 ล้านบาท หรือ 114.6% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 90 ล้านบาท ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จาก E-Commerce เพิ่มขึ้นจาก 9% เป็น 18% ขณะที่ยอดสะสม 9 เดือนอยู่ที่ 531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.3% หรือ 212 ล้านบาท
ด้านรายได้จากร้านค้าปลีกของบริษัท (Free-standing Shop) ลดลงจาก 70% เหลือ 63% หรือ 670 ล้านบาท ลดลง 23 ล้านบาทจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และในงวด 9 เดือน รายได้อยู่ที่ 2,096 ล้านบาท ลดลง 71 ล้านบาทจาก 2,167 ล้านบาท ส่วนรายได้จากห้างสรรพสินค้าอยู่ที่ 181 ล้านบาท คิดเป็น 17% ลดลงจาก 186 ล้านบาท และงวด 9 เดือนอยู่ที่ 561 ล้านบาท ลดลงจาก 608 ล้านบาท โดยช่องทางอื่น ๆ ยังคงมีสัดส่วนรายได้ที่ 2%
โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 3,605 ล้านบาท ลดลงจาก 3,741 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เนื่องจากมีการจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีแรกไปแล้ว 752 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวมถึงเงินลงทุนชั่วคราวกว่า 1,733 ล้านบาท ยังคงอยู่ในระดับสูงและเพียงพอต่อการรองรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มในไตรมาสสุดท้ายของปีบัญชี 2568 บริษัทคาดว่ายังสามารถเติบโตได้ในระดับเลขสองหลัก แม้เศรษฐกิจจะเผชิญแรงกดดันจากนโยบายขึ้นภาษีของสหรัฐฯ โดยบริษัทได้เตรียมกลยุทธ์ไว้ล่วงหน้า เช่น แคมเปญลดกลางปี การเพิ่มสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าผู้หญิง การรักษาความหลากหลายของสินค้าในกลุ่มลูกค้าผู้ชาย รวมถึงการขยายช่องทางการโปรโมทสินค้าผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อเพิ่มการเข้าถึงลูกค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น