BLC ดีด 7% อวดกำไร Q1 โต 35% แตะ 55 ล้าน รับรายได้ขาย-บริการพุ่ง

BLC บวก 7% หลังรานงานกำไตรมาส 1/68 เติบโต 35% แตะ 55 ล้านบาท รับอานิสงส์กวาดรายได้ 440.40 ล้านบาท เดินเกมการสร้าง Brand Awareness ต่อเนื่อง พร้อมปักธงดันรายได้สู่ 2,000 ล้านบาท ภายในปี 69 ตามเป้า


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (14 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ณ เวลา 12:20 น. อยู่ที่ระดับ 3.66 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 7.02% สูงสุดที่ระดับ 3.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ3.56 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.73 ล้านบาท

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC ผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม) ปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น

โดยมีผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง มีรายได้จากการขายและให้บริการ 440.4 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเติบโต 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 55.9 ล้านบาท เติบโต 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ 35.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยส่งเสริมการเติบโตมาจากกลยุทธ์การตลาดเชิงรุกแบบ 360 องศา ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ควบคู่กับการสร้าง Brand Awareness ด้วยการทำโฆษณาผ่านพรีเซนเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์รวมทั้งการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย การออกบูธแสดงสินค้าในงานวิชาการต่างๆ ประกอบกับต้นทุนทางการเงินลดลงจากการจ่ายชำระเงินกู้ยืมระหว่างปี ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ รายได้แบ่งตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยกลุ่ม Generic Drugs and New Generic Drugs ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ ทำรายได้ 317.8 ล้านบาท เติบโต 15.7% คิดเป็นสัดส่วน 72.2% ของรายได้รวมจากการขายและบริการ

ขณะที่กลุ่ม Cosmetics เติบโตโดดเด่นที่สุด 55.7% มีรายได้ 66.0 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.0% ของรายได้รวมจากการขายและบริการ ส่วนกลุ่ม Herbal Medicines และ Dietary Supplements มีการเติบโตที่แข็งแกร่งเช่นกันที่ 18.0% และ 24.1% ตามลำดับ สร้างรายได้ 33.5 ล้านบาท และ 13.9 ล้านบาท ตามลำดับ แม้ว่ากลุ่ม Animal Product จะมีรายได้ลดลงเหลือเพียง 1.9 ล้านบาท แต่มีสัดส่วนเพียง 0.4% ของรายได้รวม อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อรองรับการเติบโตตามเทรนด์ Pet Humanization โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และเดินหน้าขยายตลาดควบคู่กับช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 49% เป็น 7.3 ล้านบาท สะท้อนถึงความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์การเติบโตโดยรวมของบริษัทฯ

สำหรับแผนธุรกิจในไตรมาส 2/2568 BLC มุ่งสร้าง Brand Awareness อย่างต่อเนื่อง ผ่านการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ สำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรและยาแผนปัจจุบัน ซึ่งดำเนินการแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ ควบคู่กับการรีแพคเกจจิ้ง Prozeus 15 ผลิตภัณฑ์โพรไบโอติก และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Fiber Bomb ภายใต้แบรนด์ BKD VIVA ที่มุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้ง Shopee และ TikTok เป็นหลัก

นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา โดยบริษัทย่อย BKD VIVA วางแผนเปิดบูธจำหน่ายสินค้าในโรงพยาบาลให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน พร้อมทำการตลาดสำหรับสินค้าอัตรากำไรสูงและสินค้ายอดนิยมทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่อีก 2 รายการเพื่อบุกตลาดโรงพยาบาล ทั้งนี้ ความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ Clena ex ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของไตรมาส 1/2568 ด้วยการเติบโตกว่า 13,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 ที่ 28.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305% เมื่อเทียบกับรายได้ทั้งปี 2567 ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การใช้ Mega influencer สร้างกระแสในช่องทางออนไลน์ สะท้อนถึงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการตลาดดิจิทัลมากขึ้น

ภก.สุวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BLC กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมยาในประเทศไทยช่วงไตรมาส 2/2568 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ 6-7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ ทั้งการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยจากการขยายตัวของชุมชนเมืองและสังคมผู้สูงอายุ การขยายสิทธิการรักษาผ่านโครงการ “บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่” ตลอดจนกระแสการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน สอดคล้องกับข้อมูลการใช้ยาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มโรคตามฤดูกาล โดยเฉพาะยารักษาไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นถึง 59.7% และยารักษาโรคจมูกอักเสบเรื้อรังที่เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ขณะที่รูปแบบการบริโภคยาในประเทศมีการเติบโตชัดเจนในกลุ่มยาเม็ดและยาผงที่เพิ่มขึ้น 11.8% และ 14.9% ตามลำดับ นอกจากนี้ การเข้าถึงยาที่สะดวกขึ้นผ่านโครงการรับยาที่ร้านขายยาใกล้บ้านและการส่งยาทางไปรษณีย์ การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยในระบบสาธารณสุขเป็น 7.9 ล้านคน รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความต้องการยาที่สูงขึ้นในกลุ่มโรคเรื้อรังอย่างความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้อุตสาหกรรมยาในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“BLC มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกที่เติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเรากำลังเดินมาถูกทาง โดยเฉพาะความสำเร็จของ Clena ex ที่เติบโตถึง 305% จากกลยุทธ์การตลาดที่แม่นยำ เรามุ่งมั่นสร้าง Brand Awareness ให้กับผลิตภัณฑ์สมุนไพรและยาแผนปัจจุบันด้วยแนวทางเดียวกัน เพื่อผลักดันบริษัทสู่เป้าหมายรายได้ 2,000 ล้านบาทภายในปี 2569 ตอกย้ำการเป็นผู้นำธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพชั้นนำของไทย” ภก.สุวิทย์ กล่าว

Back to top button