“นายกอิ๊งค์” ลั่นไทยไม่ยอมถูกขู่! ตั้ง “บิ๊กเล็ก” คุมทีมเฉพาะกิจ จับตาชายแดนกัมพูชา

นายกฯ “แพทองธาร” เปิดบ้านพิษณุโลกเรียกประชุมด่วนหน่วยมั่นคง หลัง “สมเด็จฮุน เซน” ขู่ปิดด่าน ลั่นไทยไม่เคยยั่วยุ แต่พร้อมปกป้องอธิปไตย ตั้ง “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม นำทีมมอนิเตอร์สถานการณ์ชายแดนใกล้ชิด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มิ.ย.68) ณ เวลา 11:57 น. ที่บ้านพิษณุโลก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง หลังจากกระทรวงการต่างประเทศแถลงแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งยังคงเดินหน้ายื่นข้อพิพาท 4 จุดเข้าสู่การพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ภายใต้กรอบการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.), พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.), ตัวแทนจากผู้บัญชาการกองทัพอากาศ และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุม

กัมพูชา

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การหารือเน้นประเมินสถานการณ์จากผลประชุม JBC ซึ่งถือว่า มีความคืบหน้าและประสบความสำเร็จในแง่การยอมรับกรอบ JBC โดยรายละเอียดอื่น ๆ เป็นไปตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แถลงไว้แล้ว

พร้อมกันนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ “ทีมไทยแลนด์” เพื่อติดตามสถานการณ์โดยมอบหมายให้ พล.อ.ณัฐพล เป็นหัวหน้าชุดในการมอนิเตอร์ข้อมูล พร้อมเน้นย้ำว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และได้จัดตั้งทีมทำงานอีกชุด เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านกฎหมายและประวัติศาสตร์ เพื่อการปกป้องและตอบโต้

ส่วนกรณีที่สื่อกัมพูชา The Phnom Penh Post รายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ขีดเส้นให้ไทยเปิดพรมแดนทุกจุดภายในวันนี้ มิเช่นนั้นจะปิดด่านทั้งหมดในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น นางสาวแพทองธาร ชี้แจงว่า ไทยไม่ได้ปิดด่าน แต่กำหนดเวลาเปิด-ปิด เมื่อมีการปะทะกันเกิดขึ้นเรามีการตกลงกันแล้ว หลังจากคุยกันว่า จะมีการ “ปรับกำลัง” แต่เมื่อกัมพูชาเปลี่ยนท่าทีผ่านเพจกระทรวงกลาโหมว่า “ไม่มีการปรับกำลัง” ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน ซึ่งกัมพูชาก็มีการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน เช่นกัน

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนได้คุยกับ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม และเรามีความเห็นร่วมกันว่า ต้องการสันติภาพ ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งหรือการเสียเลือดเนื้อ เราเจรจาในกรอบทวิภาคีซึ่งเป็นกลไกสากล

“แน่นอนว่าเรามีการคุยกันหลังไมค์และตกลงกันว่าอะไรยังไง แต่สิ่งที่สื่อสารออกมาทางโซเชียลที่นอกกรอบ แล้วก็เป็นการสื่อสารที่ไม่ professional ที่ออกมาอยู่เรื่อย ๆ ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายในการจัดการ ทั้งสิ่งที่คุยกันหลังไมค์ และสิ่งที่คุยกันแบบเป็นทางการ ดิฉันคิดว่าการสื่อสารแบบนี้ทำให้เกิดผลลบกับทั้งสองประเทศ…”  นางสาวแพทองธาร กล่าว และระบุด้วยว่า ตนได้ส่งข้อความถึงผู้นำกัมพูชาเพื่อเสนอให้จัดประชุมระดับกองทัพ (RBC) หาข้อสรุปร่วมกันแล้ว

นอกจากนี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้เชิญทูตทุกประเทศที่อยู่ในประเทศไทยมาชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนทูตกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเข้าหารือไปแล้วตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2568 อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไทยอาจทำได้น้อยกว่าคือการสื่อสารต่อสาธารณะ เพราะเรายึดถือหลักการเจรจาระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เคารพกรอบของการพูดคุยแบบทวิภาคี และให้เกียรติทั้งสองประเทศ

“เราไม่เคยที่จะยั่วยุ หรือพูดเพื่อให้เกิดการปะทะใด ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างที่ดิฉันบอกว่า คนเสพข่าวเรื่องหนึ่งแต่คนที่อยู่หน้างานอีกเรื่องหนึ่ง ดิฉันเองเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงตรงชายแดน นั่นแปลว่าดิฉันต้องรับรู้อยู่แล้วว่า ต้องเกิดอะไรขึ้น ถ้าดิฉันจะต้องตกลงในการปะทะ มันต้องมีการคุยกับทหารด้วยว่าพร้อมหรือไม่ เราอยู่ในสเตตัสไหน เขาอยู่ในสเตตัสไหน ไม่ใช่จู่ ๆ จะมีเรื่อง ก็สามารถจุดให้ไฟมันติดแบบนี้ได้เลย การปล่อยข่าวหรือปล่อยประโยคอะไรออกมาที่ไม่เป็นทางการแต่ว่าส่งผลกระทบ… ย้ำอีกครั้งไม่เกิดผลดีกับทั้งสองประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง

เมื่อถามย้ำอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรเมื่อกัมพูชาเล่นสงครามข่าวสาร นางสาวแพทองธาร ตอบสวนทันควันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ชี้แจงค่ะ” และกล่าวต่อว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันคือเราต้องปกป้องอธิปไตยไว้ แต่ทำอย่างไรให้ยืดการปะทะ การเสียเลือดเนื้อให้ออกไป ให้ไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงรักษาอธิปไตยของเราไว้

“…ประเทศไทยเป็นปึกแผ่น แล้วเราก็จะไม่ได้ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ให้ใครมาใส่ร้าย ให้ใครมาขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน เราก็เป็นประเทศที่แข็งแรงเช่นกัน เพราะฉะนั้นจุดนี้เองที่จะทำให้เราทุกคนรู้ว่า วันนี้ถ้าไม่เคารพกฎกติกาก็จะไม่ถูกยอมรับโดยทั่วโลก” นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย

ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 12:15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเดิมจะประชุมในวันนี้เวลา 14:00 น. เพื่อจะประเมินสถานการณ์และพิจารณาแนวทางดำเนินการ หลังรัฐบาลกัมพูชาประกาศยุติการซื้อสัญญาณโทรคมนาคมและกระแสไฟฟ้าจากไทย โดยระบุเพียงว่า นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้แล้ว

Back to top button