
ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ ตีตกคำร้องปมกล่าวหา กกต. จัดเลือก สว. ไม่สุจริต
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง กล่าวหากกต. จัดเลือก สว. ไม่สุจริต ชี้มีช่องทางใช้สิทธิทางศาลอื่น และการคัดค้านต้องยื่นผ่านศาลฎีกาหรือกกต. ตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ค.68) ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเรื่องที่ ต. 64/2568 ที่นางภัทรสุภางค์ เฉลิมนนท์ ผู้ร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 โดยผู้ร้องกล่าวอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (ผู้ถูกร้องที่ 1) จัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 4) กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย (ผู้ถูกร้องที่ 5) สมาชิกสังกัดพรรคภูมิใจไทย ผู้ถูกร้องที่ 6 ถึง ผู้ถูกร้องที่ 16)
ร่วมกันวางแผนครอบงำกระบวนการเลือก สว. โดยมิชอบไว้ตั้งแต่แรก เมื่อพบเห็นการกระทำที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าการเลือก สว. มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เลขาธิการ กกต. (ผู้ถูกร้องที่ 2) มิได้สั่งการให้ดำเนินการใด ๆ ส่งผลให้ สว. 138 คน (ผู้ถูกร้องที่ 7) ได้รับเลือกเป็น สว. ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 และมาตรา 224
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ 1จัดการเลือก สว. ไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เนื่องจากละเลยต่อหน้าที่โดยปล่อยให้ผู้ถูกร้องที่ 4 ถึงผู้ถูกร้องที่ 16 ร่วมกันกระทำการครอบงำกระบวนการเลือก สว. ส่งผลให้ผู้ถูกร้องที่ 3ได้รับเลือกเป็น สว. ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 และมาตรา 224 ซึ่งการยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 และมาตรา 47 แม้ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ผู้ร้องอาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม
ส่วนกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือก สว. เป็นโมฆะนั้น เห็นว่า พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ. 2561 กำหนดกระบวนการยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลฎีกา หรือ กกต. ไว้แล้ว ตามมาตรา 44 และมาตรา 64 เป็นกรณีที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะตัวแล้ว ตามพ.ร.ป. ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย