บสย. ค้ำ “กระบะมือสอง” หนุน SMEs วงเงินพันล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียม 3 ปี

บสย. เปิดมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” วงเงินค้ำประกันเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท ระยะแรก 500 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก เข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น พร้อมสิทธิประโยชน์ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำ 3 ปีแรก หนุนการฟื้นตัวอุตสาหกรรมยานยนต์และเศรษฐกิจไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.ย.68) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เดินหน้าขยายความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการรถกระบะเชิงพาณิชย์เพื่อประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจ โดยต่อยอดมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” พร้อมจัดเตรียมวงเงินค้ำประกันสินเชื่อเบื้องต้น 1,000 ล้านบาท

โดยระยะแรก บสย. จัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 500 ล้านบาท ต่อยอดจากมาตรการค้ำประกันเช่าซื้อรถกระบะใหม่ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ” ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2568 เพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs ครอบคลุมทั้งการซื้อรถกระบะใหม่และมือสอง โดยมุ่งเน้นกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย เกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็กที่มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกขึ้น

มาตรการดังกล่าวตั้งเป้าเป็นกลไก “ปลดล็อก” ธุรกิจรายย่อยให้เดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง พร้อมทั้งกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยหนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม

ปัจจุบันตลาดรถกระบะมือสอง มีมูลค่าราว 17,000 ล้านบาท หรือประมาณ 38,000 คัน และยังคงหดตัวต่อเนื่อง สะท้อนจากราคารถที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว หลังช่วงปี พ.ศ. 2566–2567 มีการยึดรถกระบะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ส่งผลให้สถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม มาตรการใหม่ของ บสย. จะเข้ามาช่วยชดเชยความเสี่ยง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยกู้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะเอื้อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะมือสองเข้าถึงสินเชื่อได้กว่า 7,600 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อหมุนเวียนในระบบกว่า 3,400 ล้านบาท รักษาการจ้างงานมากกว่า 153,000 ตำแหน่ง และสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท

ข้อมูลล่าสุดระบุว่า สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมือสอง แบ่งเป็น กลุ่ม Non Bank ประมาณ 60% และอีก 40% มาจากสถาบันการเงินและบริษัทในเครือ โดยมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” มีจุดเด่นที่ช่วยลดภาระทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ SMEs ด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกันใน 3 ปีแรก ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้รับภาระแทน

สำหรับการตั้งแต่ปีที่ 4–7 จะคิดค่าธรรมเนียมในอัตราต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ของยอดค้ำประกันที่เหลือ เช่น หากภาระสินเชื่อปีที่ 4 คงเหลือ 300,000 บาท ผู้กู้จะจ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 4,500 บาทเท่านั้น ทั้งนี้ มาตรการครอบคลุมการค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินสูงสุดต่อรายถึง 800,000 บาท โดยเปิดรับคำขอค้ำประกันจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568

Back to top button