
“อนุทิน” ยัน MOU “แรร์เอิร์ธ“ ไม่ผูกพันทางกฎหมาย พร้อมยกเลิกหากไทยเสียประโยชน์
นายกฯ “อนุทิน” ชี้แจงเซ็น MOU แร่หายากกับสหรัฐฯ หวังร่วมพัฒนาเทคโนโลยี ไม่ใช่ข้อตกลงผูกพันทางกฎหมาย ยืนยันทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้กฎหมายไทย พร้อมระบุไทยมีสิทธิ์ยกเลิก หากไม่เกิดประโยชน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ต.ค.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีที่มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุหายาก หรือ “แรร์เอิร์ธ” ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ว่า ข้อตกลงนี้ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวล เพราะเป็นการแสดงเจตจำนงร่วมมือในด้านการพัฒนาแร่ธาตุที่มีศักยภาพในการผลิตสินค้าและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าต่าง ๆ โดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายใดๆ
“แรร์เอิร์ธแปลว่าแร่ธาตุหายาก ซึ่งมันก็ยังเป็นคำศัพท์ที่กว้างอยู่ MOU ที่เซ็นก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีความน่าวิตกกังวลใด ๆ อย่างที่หลายคนคิดเลย มันเป็นการลงนามว่าในกรณีที่ทุกวันนี้ ยังมีแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย ที่สามารถนำไปผลิตเป็นสินค้า ลดต้นทุน และสามารถทำให้เกิดประสิทธิภาพ เพิ่มคุณภาพของสินค้าได้ แต่ถ้าเกิดมีแร่หายากอะไรขึ้นมาแล้วสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกของอนาคต สหรัฐฯ เขาอยากจะขอมีส่วนร่วมในการมาร่วมพัฒนา” นายอนุทิน กล่าว
นายกรัฐมนตรี อธิบายว่า MOU ฉบับนี้จะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถร่วมพัฒนาเทคโนโลยีและองค์ความรู้ในการผลิตแร่หายากที่มีคุณค่า โดยที่ไทยยังมีทรัพยากรดังกล่าวแต่ขาดความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี ดังนั้นจึงต้องการความร่วมมือจากประเทศที่มีความชำนาญในด้านนี้
“ร่วมพัฒนานะ ซึ่งประเทศไทยเราก็ต้องยินดีสิ เพราะว่าของที่เรามีอยู่แล้ว เรายังไม่ได้พัฒนามันขึ้นมา และองค์ความรู้เราก็ยังมีไม่พอ ก็ต้องแสวงหา คนที่มีเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามา”
นายอนุทิน ยังชี้แจงว่าใน MOU ฉบับนี้ได้ระบุเงื่อนไขอย่างชัดเจนว่า ทุกขั้นตอนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของไทย และอยู่ภายใต้หลักธรรมาภิบาล ไม่ผิดต่อรัฐธรรมนูญของประเทศไทย โดยทุกฝ่ายจะต้องทำตามกฎระเบียบของไทยอย่างเคร่งครัด เงื่อนไขอย่างนี้ เป็นเงื่อนไขทั่วไปที่ยอมรับได้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า MOU นี้ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และหากในอนาคตพบว่าไม่มีประโยชน์ คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยกเลิกข้อตกลงนี้ได้โดยไม่ต้องได้รับการยินยอมจากอีกฝ่าย
“นี่คือ MOU จริงๆ เป็นเพียงความเข้าใจร่วมกัน ไม่ใช่สนธิสัญญาหรือสัญญาทางกฎหมาย(Agreement/Contract/Treaty)” นายอนุทินกล่าว พร้อมอธิบายว่า เป็นการจุดประกายความร่วมมือระหว่างไทยกับสหรัฐฯ
นายอนุทิน ยังเปิดเผยถึงการหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีการพูดถึงการลดภาษีศุลกากร (Tariffs) เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ โดยยืนยันว่าเป็นการสร้างมิตรภาพทางเศรษฐกิจที่มีผลดีต่อประเทศไทย
ท้ายสุด นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพราะไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด และทุกอย่างอยู่บนหลักความโปร่งใสและผลประโยชน์ของชาติ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

