
“อนุทิน” สั่งระงับปฏิญญาสันติภาพ “ไทย-กัมพูชา” ไม่มีกำหนด หลังทหารถูกกับระเบิดเจ็บ
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ แจ้งผลประชุม สมช. ให้ครม. รับทราบ ระงับ Joint Decoration หลังเซ็นที่มาเลเซียอย่างไม่มีกำหนด จากเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ 2 นาย พร้อมสั่ง “กลาโหม-กต.” ดำเนินการเต็มที่ “มหาดไทย-ศึกษาธิการ-อว.” ดูแลประชาชนรองรับเหตุฉุกเฉิน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (11 พ.ย.68) เวลา 08:30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ครั้งที่ 14/2568 สืบเนื่องจากกรณีทหารไทย 2 นายได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568
ภายหลังการประชุม นายกรัฐมนตรีตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงความชัดเจนของปฏิญญาสันติภาพไทย–กัมพูชา ที่มีพิธีลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ประเทศมาเลเซีย โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า “ระงับ”
ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จสิ้นว่า นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดในเขตแดนไทย ซึ่งระเบิดดังกล่าวเกิดจากการลอบวางระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ 2 นาย โดยหนึ่งนายข้อเท้าได้รับความเสียหาย อีกหนึ่งนายได้รับแรงกระแทกจากสะเก็ดระเบิด แม้ทั้งสองนายจะไม่เสียชีวิต แต่ถือเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย
นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมครม.ทราบถึงผลของการประชุมสมช. ว่า ให้ทุกหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงกลาโหมหรือกระทรวงการต่างประเทศ “ได้ระงับการดำเนินการในเรื่องของสนธิสัญญาที่จะเดินทางไปสู่แนวทางสันติภาพ ไปเซ็นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือ Joint Decoration อย่างไม่มีกำหนด จนกว่าความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาจะลดลง” นายสิริพงศ์ กล่าว
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงกลาโหมมีมาตรการทางทหารอย่างเต็มที่ เพื่อพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทย พร้อมให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประท้วง ทักท้วง และติดต่อทางการทูต เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจกับนานาประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้สังเกตการณ์
พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้ความรู้และความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน เตรียมพร้อมหากเกิดเหตุปะทะ เพื่อให้การดูแลประชาชนเป็นไปอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนซักซ้อมหลุมหลบภัยเป็นประจำในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยนายกรัฐมนตรีกำชับว่ามาตรการทั้งหมดนี้ให้ถือปฏิบัติอย่างเข้มข้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“อนุทิน” สั่งเบรก! ทุกปฏิบัติการชายแดนไทย-กัมพูชา หลังทหารเจ็บ 2 นาย บินศรีสะเกษ 11 พ.ย.
“อนุทิน” สั่ง “กลาโหม-กต.” ประท้วงกัมพูชา ผ่าน IOT หลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดเจ็บ 2 นาย

