
ครม. ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “สงขลา” มอบ ผบ.ทสส. บัญชาการน้ำท่วม เร่งอพยพ 13 ตำบลสีแดง
รัฐบาลยกระดับรับมือวิกฤต “น้ำท่วมสงขลา” สู่ภัยระดับ 4 ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มอบ “ผบ.ทสส.” เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เร่งอพยพชาวบ้าน 13 ตำบลกลุ่ม “สีแดง” โดยด่วนที่สุด ประเมินถ้าไม่มีฝนตกเพิ่ม 5 วันคลี่คลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 พ.ย.68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ภายหลังเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติสาธารณะจากฝนตกหนักต่อเนื่อง จนก่อให้เกิดมหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ ซึ่งมีความร้ายแรงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ประกาศดังกล่าวใช้อำนาจตามมาตรา 5 และมาตรา 7 วรรคสามและวรรคสี่ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดสงขลา พร้อมแต่งตั้งให้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในครั้งนี้ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2569
นายอนุทิน กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า ขณะนี้มีรัฐมนตรีหลายกระทรวงลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยรัฐบาลได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนกลางที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เชื่อมกับศูนย์ส่วนหน้าในพื้นที่ พร้อมจัดให้มีโฆษกรายงานสถานการณ์เป็นรายวัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ยกระดับสถานการณ์เป็น “ภัยระดับ 4” และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ สามารถสั่งการข้ามหน่วยงานในสังกัดได้ทันที พร้อมระดมทรัพยากรลงพื้นที่ ทั้งรถเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) และบุคลากร โดยเฉพาะช่างไฟของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อแก้ไขปัญหาไฟฟ้า โดยเฉพาะในโรงพยาบาล พร้อมย้ำว่า “รัฐบาลไม่ได้ช้า คนทำงานไม่ได้ช้า”
นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการกำหนดเดดไลน์ว่าต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เมื่อใด แต่ย้ำว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ควบคู่กับการฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเครื่องยังชีพได้ทันเวลา
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ หากไม่มีฝนตกเพิ่มและไม่มีน้ำหลากจากพื้นที่อื่น ปริมาณน้ำในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นที่ลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ จะสามารถระบายออกได้เร็วกว่านี้ โดยสถานการณ์วันนี้ดีขึ้นจากเมื่อวานเล็กน้อย
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามรายงานของ ปภ. มีครัวเรือนจำเป็นต้องอพยพ 1,223 ครัวเรือน จากทั้งหมด 270,906 ครัวเรือน ครอบคลุม 16 ตำบล ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 697,231 คน รัฐบาลและกองทัพระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือเต็มที่ ทั้งกองทัพบกจัดเฮลิคอปเตอร์ช่วยผู้ป่วย กองทัพเรือส่งเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำ เรือทองแข็ง และหน่วยซีลลงพื้นที่ ขณะที่กองทัพอากาศจัดเครื่องบิน C-130 ลำเลียงอาหารและอุปกรณ์ พร้อมเจ็ตสกีเพื่อเข้าถึงพื้นที่ประสบภัย
โฆษกรัฐบาล ระบุว่า การอพยพต้องดำเนินการตามระดับความเสี่ยง “เขียว–เหลือง–แดง” กลุ่มสีแดงต้องอพยพเป็นลำดับแรก ตามด้วยสีเหลือง ส่วนกลุ่มอื่นที่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ทันที จะได้รับการสนับสนุนอาหารและน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยบางหมู่บ้านมีผู้ต้องอพยพกว่า 130 คน ซึ่งไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ภายในครั้งเดียว จำเป็นต้องจัดลำดับตามความเร่งด่วน
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประเมินว่า หากวันนี้ไม่มีฝนตกเพิ่ม สถานการณ์น้ำท่วมอาจคลี่คลายภายใน 5 วัน โดยยังมีน้ำปริมาณประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตรค้างอยู่ในพื้นที่ พร้อมสั่งการให้เรือลาดตระเวนตรวจการณ์ต่อเนื่อง และยืนยันว่าระบบสื่อสารยังใช้งานได้ในทุกพื้นที่ โดยมี 13 ตำบลที่ถูกจัดเป็น “พื้นที่สีแดง” ซึ่งต้องเร่งอพยพประชาชนโดยด่วน