
งบ Q1 หนุนแรง! ดาวโจนส์ปิดบวก 300 จุด – มาตรการภาษีรถยนต์ทรัมป์เสริม Sentiment
ผลประกอบการบริษัทรายใหญ่ไตรมาสแรกสดใส หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ ผ่อนคลายภาษีนำเข้ารถยนต์ ช่วยหนุนกลุ่มยานยนต์ ดันดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกถ้วนหน้า
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันอังคาร (29 เม.ย.68) จากแรงหนุนของผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสแรกของปี ประกอบกับนโยบายภาษีที่ผ่อนคลายจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านต้นทุนให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 40,527.62 จุด เพิ่มขึ้น 300.03 จุด หรือ +0.75%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,560.83 จุด เพิ่มขึ้น 32.08 จุด หรือ +0.58%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 17,461.32 จุด เพิ่มขึ้น 95.19 จุด หรือ +0.55%
นักลงทุนตอบรับเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เปิดเผยในช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะ General Motors (GM) และ JetBlue Airways ซึ่งมีกำไรสุทธิสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้ปรับตัวขึ้น และสร้างแรงส่งต่อภาพรวมตลาด
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท General Motors (GM) รายงานรายได้รวมในไตรมาสแรกของปีที่ 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.25 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในขณะที่ JetBlue Airways (JBLU) รายงานขาดทุนต่อหุ้น (EPS) ที่ -$0.59 ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ -$0.61 และรายได้รวมอยู่ที่ 2.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของหลายบริษัทยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังของปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ยังคงเดินหน้ากดดันประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนและสหภาพยุโรป
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาด คือเมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ผ่อนคลายภาษีนำเข้าสำหรับรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากแคนาดาและเม็กซิโก พร้อมทั้งให้เครดิตภาษีนำเข้า 3.75% สำหรับรถยนต์ที่ประกอบในสหรัฐ ระหว่างเดือนเมษายน 2568 ถึงเมษายน 2569
มาตรการดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการผ่อนคลายภาระต้นทุนของผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ ที่เคยเผชิญแรงกดดันจากรอบก่อนหน้า เช่น Ford, GM และ Stellantis ซึ่งต่างตอบรับเชิงบวก โดยหุ้นในกลุ่มยานยนต์ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.2% ในวันเดียวกัน
นักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley และ Wells Fargo ให้ความเห็นว่า ปัจจัยหนุนหลักของตลาดยังคงอยู่ที่ผลประกอบการไตรมาสแรก และความชัดเจนของนโยบายการค้าจากรัฐบาลสหรัฐฯ โดยระยะสั้นตลาดจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจมีสัญญาณเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี