ตามคาด! “เฟด” ลดดอกเบี้ย 0.25% “พาวเวลล์” ส่งซิกลงต่อ หลังแรงงานสหรัฐอ่อนแรง

เฟดมีมติปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 0.25% ตามการคาดการณ์ตลาด พร้อมส่งสัญญาณอาจลดต่อ ประธานพาวเวลล์ย้ำ “ความเสี่ยงต่อแรงงานเพิ่มขึ้น”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ระหว่างวันที่ 16–17 กันยายน 2568 มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็นครั้งแรกของปี 2568 (ค.ศ. 2025) กรอบอยู่ที่ 4.00–4.25% โดยส่งสัญญาณอาจลดเพิ่มอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ เหตุผลหลักคือภาวะตลาดแรงงานเริ่มอ่อนตัว การจ้างงานเติบโตช้าลง และมีความเสี่ยงทำให้อัตราว่างงานสูงขึ้น

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด โดยคาดว่าสิ้นปีนี้เงินเฟ้อจะอยู่ที่ราว 3.0%

จาก Dot Plot หรือแผนภาพจุดที่สะท้อนคาดการณ์ดอกเบี้ยของกรรมการ FOMC ชี้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งในปีนี้ และอีก 1 ครั้งในปีหน้า สะท้อนการปรับคาดการณ์จากเดิมที่ 2 ครั้งในปีนี้ และ 2 ครั้งในปีหน้า ส่วนหนึ่งมาจากท่าทีของกรรมการใหม่

Financial Times รายงานว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ โดยมีสมาชิก 1 เสียง คือ สตีเฟน มิแรน (Stephen Miran) ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อเข้ามาในคณะกรรมการเฟด เห็นควรลดดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ลงไปถึงกรอบ 2.75–3.0% ณ สิ้นปีนี้ แต่ถือเป็นเสียงข้างน้อย

เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานเฟด แถลงว่า ในรายงาน Summary of Economic Projections (SEP) สมาชิก FOMC ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 3.6% สิ้นปี 2568 (ค.ศ. 2025), 3.4% สิ้นปี 2569 (ค.ศ. 2026) และ 3.1% สิ้นปี 2570 (ค.ศ. 2027) ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ในเดือนมิถุนายนประมาณ 0.25% ทั้งนี้ พาวเวลล์ ย้ำว่า การคาดการณ์เหล่านี้เป็นเพียงการประเมิน ไม่ใช่แผนตายตัวของคณะกรรมการ และนโยบายการเงินไม่ได้ถูกกำหนดเส้นทางไว้ล่วงหน้า

พาวเวลล์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เฟดมองว่าเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น ขณะที่ตลาดแรงงานกลับเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น ถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย และเฟดจำเป็นต้องรักษาสมดุลของเป้าหมายทั้งสองด้าน

พาวเวลล์ ได้ชี้ด้วยว่า เงินเฟ้อ PCE ทั้งปี 2568 (ค.ศ. 2025) คาดว่าจะอยู่ที่ 3.0% ลดลงเป็น 2.6% ในปี 2569 (ค.ศ. 2026) และเหลือประมาณ 2.1% ในปี 2570 (ค.ศ. 2027) ขณะที่ปัจจัยภายนอก เช่น การขึ้นภาษีสินค้านำเข้า เริ่มกดดันราคาบางประเภท แต่ผลกระทบต่อเงินเฟ้อโดยรวมยังไม่ชัดเจน

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินโลกจับตาการประชุมเฟดครั้งถัดไปในเดือนพฤศจิกายน เพื่อประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

อ้างอิงข้อมูล : federalreserve.gov

Back to top button