
“ดาวโจนส์” ดิ่ง 301 จุด หุ้นแบงก์ฉุดตลาด–นักลงทุนหนีถือสินทรัพย์ปลอดภัย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งแรงจากแรงเทขายหุ้นแบงก์ภูมิภาค หลัง Zions และ Western Alliance เจอปัญหาสินเชื่อ–คดีฉ้อโกง นักลงทุนแห่ถือทองคำและพันธบัตรหนีความเสี่ยง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงแรงในวันพฤหัสบดี (16 ต.ค. 68) หลังแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดกลางกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนเร่งโยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อและภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐที่ยืดเยื้อ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,952.24 จุด ลดลง 301.07 จุด หรือ –0.65% ขณะที่ ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ ปิดที่ 6,629.07 จุด ลดลง 41.99 จุด หรือ –0.63% และ ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ ปิดที่ 22,562.54 จุด ลดลง 107.54 จุด หรือ –0.47%
ตลาดถูกเทขายหนักในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังมีข่าวเชิงลบจากสถาบันการเงินขนาดกลาง 2 แห่ง ได้แก่ Zions Bancorporation และ Western Alliance Bancorp ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และฉุดดัชนีกลุ่มธนาคารร่วงลงราว 6% ในวันเดียว
Zions Bancorporation ประกาศตั้ง charge-off (ตัดหนี้เสีย) จำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับสินเชื่อ 2 สัญญาที่ปล่อยผ่านหน่วยงาน California Bank & Trust ของบริษัท หลังตรวจพบ “misrepresentations and contractual defaults” จากผู้กู้และผู้ค้ำประกัน รวมถึง “irregularities” อื่น ๆ ในเอกสารสัญญา ส่งผลให้หุ้น Zions ร่วงกว่า 13.1% นักวิเคราะห์บางรายตั้งคำถามต่อมาตรฐาน underwriting และระบบบริหารความเสี่ยงของธนาคารว่าอาจยังไม่รัดกุมพอ ท่ามกลางภาวะสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้นหลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ขณะที่ Western Alliance Bancorp ถูกกดดันจากข่าวการฟ้องร้องของลูกค้ารายใหญ่ ในข้อกล่าวหา ฉ้อโกง (fraud) เกี่ยวกับการยื่นขอสินเชื่อโดยใช้เอกสารบิดเบือน แม้ธนาคารจะออกแถลงการณ์ ยืนยันว่าได้ลด exposure ต่อสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่ไม่สามารถสกัดแรงขายจากนักลงทุนได้ทัน หุ้นของ Western Alliance ดิ่งลงกว่า 10.8% ในวันเดียว
สถานการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วภาคการเงิน โดยดัชนี KBW Regional Banking Index ร่วงลงกว่า 6% ถือเป็นการปรับลดรายวันที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายเดือน นักลงทุนจำนวนมากเร่งโยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและทองคำ ซึ่งราคาทะยานแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบหลายเดือน
ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนจาก ภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมยังคงกดดันตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการปิดทำการของหน่วยงานรัฐทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจล่าช้า และสร้างแรงกังวลต่อภาวะการคลังในไตรมาสสุดท้ายของปี
นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์และบลูมเบิร์ก มองตรงกันว่า ตลาดยังคงเปราะบางต่อข่าวเชิงลบในภาคการเงินและนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้า จะเป็นปัจจัยสำคัญกำหนดทิศทางความเชื่อมั่นระยะสั้นของนักลงทุนทั่วโลก