
“ดาวโจนส์” ปิดบวกแรง 664 จุด แรงซื้อบลูชิพหนุน—ลุ้นเฟดหั่นดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์กระโดดกว่า 660 จุด รับแรงซื้อหุ้นบลูชิพ ขณะข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแรงช่วยหนุนแรงเก็ง “เฟด” มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในการซื้อขายเมื่อคืนวันอังคาร (25 พ.ย.68) โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแตะ 664 จุด จากแรงหนุนของหุ้นบลูชิพ ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนบวกเช่นกัน แม้โมเมนตัมของดัชนีทั้งสองจะไม่ร้อนแรงเท่าดาวโจนส์ แต่ยังสะท้อนบรรยากาศการลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้นทั่วตลาด
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 47,112.45 จุด เพิ่มขึ้น 664.18 จุด หรือ +1.43%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,765.88 จุด เพิ่มขึ้น 60.76 จุด หรือ +0.91%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 23,025.59 จุด เพิ่มขึ้น 153.59 จุด หรือ +0.67%
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนแรงซื้อที่กลับเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะกลุ่มเฮลธ์แคร์ที่ขยับขึ้นมาก เช่นเดียวกับกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพิ่มขึ้นขณะที่ กลุ่มพลังงานและกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวอ่อนลงเล็กน้อย ตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ผันผวน
หุ้นรายตัวเคลื่อนไหวโดดเด่นหลายบริษัท โดยหุ้น Alphabet ปรับขึ้น 1.5% หลังมีรายงานว่า Meta Platforms อยู่ระหว่างพิจารณาใช้ชิปประมวลผล TPU ของ Google ในศูนย์ข้อมูลตั้งแต่ปี 2570 และอาจเช่าชิปผ่านธุรกิจคลาวด์ของ Google ตั้งแต่ปีหน้า รายงานดังกล่าวยังช่วยหนุนราคาหุ้น Meta ให้พุ่งขึ้น 3.8%
แต่กลับสร้างแรงกดดันต่อหุ้น Nvidia ซึ่งร่วงลง 2.6% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ชิป TPU อาจกลายเป็นตัวเลือกใหม่แทนชิป AI ของ Nvidia ที่ Meta ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ Nasdaq ชะลอช่วงบวกในช่วงท้ายตลาด
ด้าน Alibaba ลดลงมากกว่า 2% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้รายไตรมาสที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ยังถูกกดดันจากความไม่เชื่อมั่นต่อแนวโน้มของบริษัทเทคโนโลยีจีนในตลาดสหรัฐฯ
บรรยากาศการลงทุนยังได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ล่าสุดสำหรับเดือนกันยายน ซึ่งออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม โดยยอดค้าปลีกเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 0.4% สะท้อนการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลง
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board ลดลงสู่ระดับ 88.7 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบประมาณ 7 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ โดยได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับรายได้ครัวเรือนและตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
ปัจจัยทั้งหมดนี้ส่งสัญญาณว่า แรงกดดันเงินเฟ้อกำลังลดลง และเพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 9–10 ธันวาคม โดยข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักความเป็นไปได้ดังกล่าวสูงถึง 84.7% เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากระดับ ประมาณ 50% เมื่อสัปดาห์ก่อน

