ดีเดย์พรุ่งนี้! กกพ. เคาะค่าไฟงวด “พ.ค. – ส.ค.” เหลือ 3.98 บาท ต่ำกว่าเป้าเสนอ ครม.

กกพ. เคาะลดค่าไฟรอบ พ.ค. - ส.ค.68 ลง 17 สต. เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย ใช้เงิน Claw Back จาก 3 การไฟฟ้า 12,200 ล้านบาท บรรเทาภาระประชาชน เริ่มมีผลพรุ่งนี้ (1 พ.ค.68)


นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่า ในการประชุม กกพ. ครั้งที่ 16/2568 คณะกรรมการ กกพ. มีมติให้ปรับค่า Ft จากเดิม 36.72 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 19.72 โดยค่าไฟงวดเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย เทียบกับงวดปัจจุบันที่ 4.15 บาทต่อหน่วย โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป

นายพูลพัฒน์ กล่าวว่า การปรับลดค่าไฟครั้งนี้เป็นผลจากการใช้เงินเรียกคืนผลประโยชน์ส่วนเกิน (Claw Back) จาก 3 การไฟฟ้า ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มาใช้งวดนี้ประมาณ 12,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟงวดใหม่จะอยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย

อย่างไรก็ตาม ในการชำระหนี้ กฟผ. นั้น ยังสามารถชำระอัตราเดิมที่ 20.33 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นประมาณ 14,590 ล้านบาท จากปัจจุบันหนี้ กฟผ. อยู่ที่ 71,000 ล้านบาท

“ขณะนี้ไทยเผชิญหลายปัจจัยลบทั้งในประเทศ และสงครามการค้ารอบใหม่ ดังนั้นมั่นใจว่า 3.98 บาทต่อหน่วย จะช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์ 3 ด้าน  คือ 1. ความมั่นคง เสถียรภาพเศรษฐกิจ 2. ลดค่าครองชีพประชาชน ลดต้นทุนผลิตจากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังโดนกำแพงภาษี และ 3.ไม่กระทบภาระของ กฟผ. ที่ยังมีหนี้ 7.1 หมื่นล้านบาทให้ได้เงินคืนเท่าเดิม เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ในปัจจุบันไปได้” นายพูลพัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้การลดลง 17 สตางค์ต่อหน่วย นับเป็นการปรับลดค่าไฟฟ้าครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน และยังต่ำกว่าเป้าหมายที่มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งเป้าไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพประชาชน

สำหรับแนวโน้มค่าไฟงวดปลายปีนี้ งวดเดือนกันยายน – ธันวาคม 2568 เลขาธิการ กกพ. ระบุว่า ต้องรอดูสถานการณ์ต้นทุนเชื้อเพลิงและภาวะเศรษฐกิจอีกครั้ง รวมถึงการพิจารณาใช้เงิน Claw Back ด้วย

Back to top button