กกพ. มั่นใจความขัดแย้ง “ตะวันออกกลาง” ไม่กระทบ “ไทย” จัดหา LNG

กกพ. เผยความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังไม่กระทบแผนจัดหา LNG เข้ามาใช้ในไทย พร้อมวาง 3 แนวทางสำรอง หากปิดช่องแคบฮอร์มุซ ยันคลังสำรอง LNG อยู่ในระดับสูง ส่งมอบยังปกติ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยถึงการประชุม กกพ. ครั้งที่ 22/2568 เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ว่า ได้พิจารณาสถานการณ์การจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ช่วงวันที่ 13-24 มิถุนายน 2568 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมัน และ LNG ในตลาดโลกเกิดความผันผวนเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งแนวทางการบริหารความเสี่ยงในการจัดหาก๊าซ และ LNG เพื่อให้สามารถจัดหาเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ก๊าซในภาคไฟฟ้าและอุตสาหกรรมของประเทศ

ปัจจุบันประเทศไทยจัดหา LNG ทั้งในรูปแบบสัญญาแบบระยะยาว (Term) และ สัญญาแบบรายเที่ยวเรือ (Spot) รวมประมาณ 12 ล้านตันต่อปี โดยสัญญา Term เป็นการจัดหาสัญญาระยะยาวจากประเทศกาตาร์ ปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี เมื่อพิจารณาในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะต้องมีการส่งมอบ LNG จากประเทศกาตาร์ รวมทั้งสิ้น 11 ลำเรือ ซึ่งต้องแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ

นายพูลพัฒน์ ย้ำความสำคัญของ “ช่องแคบฮอร์มุซ” ว่า เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญต่อการจัดส่งพลังงานของโลก เนื่องจากมีปริมาณ LNG ที่ต้องผ่านพื้นที่ดังกล่าวจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวม 83 ล้านตันต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของอุปทานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG supply) ของโลก รวมถึงเป็นช่องทางการค้าน้ำมันมากถึง 30% ของปริมาณการค้าน้ำมันทั่วโลก

ด้านราคา Spot LNG มีความผันผวนสูง โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจาก 13.444 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ($/MMBTU) ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2568 เป็น 14.815 $/MMBTU ในวันที่ 23 มิถุนายน 2568 หรือเพิ่มขึ้นราว 10% ในช่วงที่มีการตอบโต้ระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวแบบรายเที่ยวเรือ (Spot LNG) ปรับลดลงในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ลงมาอยู่ที่ 13.211 $/MMBTU หรือลดลงราว 10.8% ภายในหนึ่งวันหลังจากที่มีรายงานเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้งชั่วคราวในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ขณะนี้สำนักงาน กกพ. ได้ติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและการส่งมอบ LNG ของผู้ส่ง (Shipper) ทุกรายอย่างใกล้ชิด โดย กกพ. ได้ให้กลุ่ม Regulated Market รายงานข้อมูลสถานการณ์ส่งมอบ LNG รวมถึงแผนการส่งมอบ LNG โดยเฉพาะ LNG Supply ที่มาจากประเทศกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สรุปว่าทุกรายติดตามสถานการณ์ร่วมกับผู้ขายอย่างใกล้ชิด และในปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบต่อการส่งมอบ LNG แต่อย่างใด

แนวทางรองรับกรณีปิดช่องแคบฮอร์มุซและไม่สามารถรับ LNG จากประเทศกาตาร์

  1. เพิ่มการจัดหาก๊าซธรรมขาติทางท่อจากอ่าวไทย รวมถึงแหล่ง JDA และเมียนมา เพิ่มการเรียกรับก๊าซ การบริหาร จัดการปริมาณก๊าซส่วนเพิ่ม ตามความยืดหยุ่นของสัญญา (Swing Gas) เต็มศักยภาพ
  2. 2. จัดหา Spot LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มเติมนอกแผนเดิม) จากซัพพลายเออร์ โดยขอให้ทุกรายหารือคู่ค้า LNG ของตนเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉิน
  3. 3. กรณีที่ไม่สามารถจัดหา Spot LNG เพิ่มเติมได้เพียงพอ หรือกรณีที่ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าด้วย Spot LNG สูงกว่าการผลิตไฟฟ้าด้วยน้ำมัน ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า อาจพิจารณาสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมัน

“จึงขอให้ ปตท. ตรวจสอบศักยภาพในการจัดส่งน้ำมันและปริมาณความต้องการน้ำมันของโรงไฟฟ้าที่เป็นคู่สัญญาควบคู่ไปด้วย” โฆษก กกพ. กล่าว

ปัจจุบัน ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวคงคลัง (LNG Inventory) ของประเทศอยู่ในระดับสูง และแผนการส่งมอบ LNG จาก Shipper ทุกรายยังไม่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม กกพ. จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและเตรียมความพร้อมรองรับความเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพพลังงานของประเทศ

Back to top button