“กอบศักดิ์” เตือนไทยเร่งปิดดีล “ลดภาษี” เสี่ยงเสียเปรียบการค้าอินโด-เวียดนาม

ข้อตกลงลดภาษีระหว่างสหรัฐฯ-อินโดนีเซีย เหลือ 19% สะเทือนการค้าอาเซียน ดร.กอบศักดิ์ชี้ ไทยเสี่ยงเสียเปรียบ หากไม่เร่งปิดดีล มูลค่าส่งออก-ดึงดูดลงทุนอาจสะดุด ฟาก “บล.กรุงศรี” ชี้ดีลลดภาษีอินโดฯ-สหรัฐ เหลือ 19% หนุนบรรยากาศลงทุนหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับอานิสงส์ทางอ้อมจากอินโดนีเซีย เช่น BBL, SCGP, BANPU, SAPPE น่าจับตา คาด SET แกว่งในกรอบ 1,150–1,175 จุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากความเคลื่อนไหวด้านการค้าระหว่างประเทศได้รับความสนใจอีกครั้ง เมื่อสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซีย ตกลงลดภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) เหลือ 19% จากเดิม 32% โดยข้อตกลงนี้ครอบคลุมสินค้าพลังงานมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์ สินค้าเกษตร 4,500 ล้านดอลลาร์ และเครื่องบินโบอิ้งจำนวน 50 ลำ ส่วนใหญ่เป็นรุ่น 777

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก “Dr.KOB” ในวันนี้ (16 ก.ค.68) ว่า ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และอินโดนีเซีย ถือเป็น Great Deal for US โดยอินโดนีเซียเป็นประเทศที่สองในอาเซียน ที่สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการเจรจาลดภาษีตอบโต้เหลือ 19% ต่อจากเวียดนามที่ได้รับข้อตกลงภาษี 20% ในช่วงก่อนหน้า

ประธาน FETCO ระบุเพิ่มเติมว่า ข้อตกลงของอินโดนีเซียเป็นตัวอย่างของดีลที่เรียบง่าย เข้าใจง่าย คือการเปิดตลาดอย่างครบวงจร (Total and Free Access) สำหรับสินค้าอเมริกัน ควบคู่กับการซื้อสินค้าสหรัฐเพิ่มเติมเพื่อแลกกับเงื่อนไขที่ดีกว่าเวียดนาม พร้อมย้ำว่า “ได้รับจดหมายแล้ว ก็ยังเปลี่ยนได้ ถ้ามี Great Deal ที่ใช่สำหรับสหรัฐ” และตั้งข้อสังเกตว่าไทยจะจบการเจรจาที่ระดับใด จะสามารถลดระยะห่างจากคู่แข่งทั้งสองประเทศนี้ได้มากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ ดร.กอบศักดิ์ ยังย้ำถึงกลุ่มประเทศอาเซียน-5 ที่มีความสำคัญกับไทย โดยระบุว่า ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 20% มาเลเซีย 25% (ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อให้ลดลงอย่างน้อยเหลือ 20%) สิงคโปร์ 10% (แต่มีความเป็นไปได้ที่จะถูกปรับขึ้นเป็น 15-20%) ซึ่งหมายความว่า ขณะนี้ไทยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มนี้ที่ยังถูกเก็บภาษีเกิน 30% และเรื่องนี้มีนัยสำคัญทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อเศรษฐกิจไทย

ด้านตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-อินโดนีเซีย ที่ลดภาษีนำเข้าเหลือ 19% จากเดิม 32% สะท้อนให้เห็นโอกาสสำหรับประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจา รวมถึงไทย โดยมีความเป็นไปได้ที่จะต่อรองลดอัตราภาษีลงมาให้น้อยกว่าระดับของเวียดนาม

อย่างไรก็ดี ในเชิงเปรียบเทียบข้อเสนอโดยเฉพาะยกเว้นสินค้านำเข้าสหรัฐฯ ทั้งหมด กับไทยที่เสนอยกเว้นราว 69% ของสินค้าทั้งหมด ทำให้ยังต้องติดตามพัฒนาการ และคง base case กรณีไทยจะได้ภาษี 19-25% จากปัจจุบัน 36% ไว้ก่อน คาด SET วันนี้แกว่งในกรอบ แนวต้าน 1,163-1,175 จุด แนวรับ 1,150-1143 จุด

สำหรับหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องหรือได้รับอานิสงส์ทางอ้อมจากอินโดนีเซีย อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP, บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ควรติดตามอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังคงแนะนำหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS และ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP

ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์บางสำนักมองว่า การลดภาษีตอบโต้ของอินโดนีเซียกับสหรัฐอาจเพิ่มแรงกดดันให้ไทยต้องพิจารณาปรับเงื่อนไขการค้าต่างประเทศ เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดและดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เกษตรแปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรม

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ : ดีลสุดคุ้มสหรัฐ! อินโดนีเซีย ยอมจ่ายภาษี 19% เปิดทางสินค้าอเมริกันเข้าประเทศแบบปลอดภาษี

Back to top button