“พิชัย” คอนเฟิร์ม! เสนอชื่อผู้ว่า ธปท. คนใหม่ เข้าครม. พรุ่งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จะเสนอชื่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.68) หลังจากที่เลื่อนวาระออกไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ก็ควรจะเข้า ครม.วันพรุ่งนี้ ส่วนรายละเอียด ขอให้รอดู” นายพิชัยระบุ

สำหรับผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ จะเข้ามารับตำแหน่งต่อจาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบัน ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่งสิ้นเดือนกันยายน 2568

ทั้งนี้ สัปดาห์ก่อน ที่ประชุม ครม. ยังไม่ได้พิจารณาวาระดังกล่าว เนื่องจากเอกสารประกอบการนำเสนอไม่ครบถ้วน โดยย้ำว่า ไม่ได้เกิดจากปัญหาด้านคุณสมบัติของผู้ได้รับการเสนอชื่อ

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อธิบายเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่วาระการแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาครม. สัปดาห์ก่อน เป็นเพราะแม้นายพิชัยจะลงนามเสนอชื่อแล้ว แต่กระบวนการนำเรื่องเข้าครม. ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบและความเห็นจากฝ่ายรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

“กระบวนการออกจากกระทรวง คนละเรื่องกับกระบวนการเข้าครม. โดยการเข้าครม. จะต้องผ่านรักษาการนายกรัฐมนตรี เราจึงไม่ทราบว่าวาระใดจะเข้าไม่เข้า คาดว่ารอฟังความเห็นให้ครบ เพราะมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อยากให้เข้าเป็นวาระจร” นายจุลพันธ์กล่าว

แวดวงเศรษฐกิจและการเงินต่างจับตาการประชุม ครม. วันพรุ่งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการแต่งตั้งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ ถือเป็นหมากสำคัญต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจและทิศทางนโยบายการเงินของประเทศในระยะถัดไป

สำหรับกระบวนการคัดเลือก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะกรรมการคัดเลือกผู้ว่าการ ธปท. ได้เสนอรายชื่อผู้ผ่านรอบสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ 2 คน ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณา ได้แก่ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. และ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

ก่อนหน้านี้ ดร.รุ่ง โปษยานนท์ มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในแคนดิเดตผู้ว่าการ ธปท. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า หากได้รับตำแหน่ง จะเดินหน้าทำงานเชิงรุกมากขึ้น โดยเฉพาะการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ย พร้อมระบุว่า การประสานงานที่ใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง จะช่วยให้การทำงานด้านนโยบายการเงินและการคลังมีความสอดคล้องและทรงพลังมากขึ้น โดยตั้งใจจะเปิดเวทีหารือกับหน่วยงานรัฐ ภาคการเงิน และภาคเอกชนทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาต่าง ๆ ลุกลามจนกลายเป็นความขัดแย้ง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายแห่งประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจปรับลดลงได้ราว 0.50–0.75% ภายในปีนี้ ซึ่งหากธนาคารพาณิชย์สามารถลดต้นทุนการกู้ยืม จะช่วยให้การส่งผ่านนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

ด้านนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน อีกหนึ่งผู้เข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. แสดงความเชื่อมั่นว่า หากได้รับการแต่งตั้ง จะสามารถตัดสินใจเชิงนโยบายได้อย่างอิสระ โดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ปราศจากอิทธิพลจากฝ่ายใด พร้อมย้ำว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลานี้ จำเป็นต้องเดินหน้าควบคู่ระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง โดยให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้ครัวเรือน และกระตุ้นการออมตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เพื่อวางรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งในอนาคต

ที่ประชุม ครม. วันพรุ่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการตัดสินใจเรื่องตำแหน่งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ แต่ยังเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากวิกฤติภาษีทรัมป์ และความผันผวนทางการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยรวม