“พิชัย” เร่งสรุปผลกระทบภาษีสหรัฐ 19% เล็งขยายกองทุน BOI ช่วยกลุ่มนอกแผน

รองนายกฯ “พิชัย” เร่งถอดผลกระทบรายอุตสาหกรรม หลังสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทย 19% พร้อมพิจารณาขยายกองทุนบีโอไอครอบคลุมกลุ่มนอกแผน เพื่อวางมาตรการช่วยเหลืออย่างตรงจุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สั่งการให้เร่งสรุปรายละเอียดผลกระทบในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ภายหลังสหรัฐอเมริกาประกาศใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ต่อสินค้านำเข้าจากไทยในอัตรา 19% เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาอย่างตรงจุด

เนื่องจากแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบที่ไม่เหมือนกัน เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มอาหารสำเร็จรูป และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่บางกลุ่มอาจได้รับผลกระทบไม่มาก เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีกำไรค่อนข้างสูง จึงต้องสั่งการให้แต่ละกลุ่มไปจัดทำรายละเอียดมาเสนอว่าได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่ภาครัฐจะลงไปดูแลให้อย่างทั่วถึง

ทั้งนี้  อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบหลัก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

  1. อุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งมีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันรองรับอยู่แล้ว เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนเพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน
  2. อุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งพิจารณารูปแบบความช่วยเหลือที่เหมาะสม

นายพิชัย ขยายความถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอว่า กำลังดูรายละเอียดว่าจะสามารถให้ความช่วยเหลือกับผู้ประกอบการทั้งหมดผ่านกลไกของบีโอไอได้หรือไม่ ซึ่งบีโอไอเองมีกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามต้องขอเวลาพิจารณาว่า หากขยายขอบเขตกลไกโดยเพิ่มกลุ่มที่ไม่ได้รับการส่งเสริมเข้าไปด้วยจะทำได้หรือไม่ และอาจต้องดูเป็นรายกรณี พร้อมขอให้ผู้ประกอบการยื่นข้อมูลชี้แจงสาเหตุและลักษณะของผลกระทบเพื่อประกอบการตัดสินใจ

รองนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ภาคอุตสาหกรรมของไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพิ่มขีดความสามารถในทุกมิติ เพื่อรองรับการแข่งขันระยะยาว โดยต้องเปลี่ยนจากการผลิตแบบเดิม (Old Product Platform) ไปสู่การผลิตที่ทันสมัยขึ้น ซึ่งอาจต้องแยกมาตรการช่วยเหลือหรือสนับสนุนออกมาเป็นการเฉพาะ พร้อมกลับไปทบทวนกลไกที่มีอยู่ ว่าสามารถรองรับได้มากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้ นายพิชัยยังกล่าวถึง ประเด็นสัดส่วนวัตถุดิบในประเทศ หรือ RVC (Regional Value Content) ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์คำนวณมูลค่าในประเทศ เพื่อกำหนดว่าสัดส่วนการผลิตหรือแหล่งกำเนิดในประเทศต้องมีเท่าใด จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้า เช่น การใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยขณะนี้ยังต้องรอความชัดเจนจากสหรัฐฯ ว่าจะกำหนด RVC ในระดับใด ซึ่งส่วนตัวมองว่า ฝ่ายสหรัฐฯ อาจยังไม่สามารถสรุปแนวทางได้ในทันที

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“พิชัย” ชี้เจรจาภาษีสหรัฐ เหลือ 19% ย้ำไม่มีแลกสัมปทานก๊าซ-ความมั่นคง

“พิชัย” ยันไม่เปิดภาษี 0% สหรัฐ เตรียมซอฟต์โลน 2 แสนล้าน หนุนเอกชน–เกษตรกร

Back to top button