“สุวัฒน์” มอง SET ปีนี้ทดสอบ 1,300 จุด แนะดักเก็บหุ้นไฟฟ้า BCPG-GULF-EGCO

นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก ชี้ SET ปีนี้มีโอกาสทดสอบ1,300 จุด ปัจจัยหนุนจากหุ้นใหญ่ฟื้นตัว โดยเฉพาะ DELTA ที่ถูกยกเป็น “NVIDIA เมืองไทย” พร้อมชูหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า BCPG-GULF-EGCO เป็นแกนหลักของ “AI Thailand” ดันตลาดต่อเนื่อง แนะนักลงทุนเปลี่ยนบทบาทจาก “นักปาเป้า” เป็น “นักตกปลา” ล่าหุ้นศักยภาพด้วย “3 ยุทธ์”


นายสุวัฒน์ สินสาฎก กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในงาน Market’s NEW Magnet : “คัดหุ้นเด่น..เค้นหุ้นปัง…ที่ปลอดภัย..?” จัดโดย “ข่าวหุ้นธุรกิจ” เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2568 ว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ปีนี้มีโอกาสปรับขึ้นแตะระดับ 1,300 จุดในช่วงสิ้นปี แต่ยังไม่ถึง 1,400 จุด โดยแม้เศรษฐกิจแบบ Top-down ของไทยยังไม่แข็งแรงนัก แต่ Bottom-up ของหลายบริษัทเริ่มฟื้นตัว ขณะที่การปรับขึ้นกว่าร้อยจุดที่ผ่านมา เป็นการขึ้นแบบกระจุกตัว นำโดย บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ที่พุ่งกว่า 140 จุด จนถูกเปรียบเป็น “NVIDIA เวอร์ชันไทย”

นายสุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะการเมือง ไม่ได้ส่งผลมากต่อตลาดหุ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หากมีการเปลี่ยนรัฐบาล ตลาดอาจอ่อนตัวลงบ้างแต่ไม่มากนัก เนื่องจากเป็นการปรับฐานจากการขึ้นเร็วที่ระดับ 1,200 จุด ไม่ใช่เพราะปัจจัยตัวบุคคล ขณะเดียวกันแรงหนุนสำคัญยังมาจากกระแส AI โลก ประกอบกับแรงซื้อในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC รวมถึงกลุ่มโรงพยาบาลอย่าง บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ส่วนกลุ่มธนาคาร เช่น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ที่ยังคงโดดเด่น

สำหรับหุ้นเด่นในระยะสั้น มองว่า กลุ่มไฟฟ้ายังมีศักยภาพสูง โดยเฉพาะ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ซึ่งมีโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ถึง 4 โรง คิดเป็นครึ่งหนึ่งของพอร์ตและตั้งอยู่ในเขต PGM ที่มีการตั้ง Data Center จำนวนมาก ขณะที่ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ที่มีโรงไฟฟ้าในเขตเดียวกันและอยู่ระหว่างซื้อเพิ่มอีก 1 โรง ส่วน บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ก็มีกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้ง 3 บริษัทนี้ ยกให้เป็น “AI Thailand” ที่มีโอกาสขับเคลื่อน SET ต่อไป

ขณะที่ราคาหุ้น GULF นั้น นายสุวัฒน์ มองว่า มีโอกาสผ่านระดับ 55 บาท เนื่องจากกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ จะขยายตัว และยังมีโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาในปีนี้ ทำให้คาดว่ากำไรจะทำสถิติสูงสุดใหม่ราว 1,700 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นในกลุ่มเทเลคอม อาทิ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ที่ถูกจับตา รวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ KBANK ยังคงมีแนวโน้มไปต่อ เช่นเดียวกับกลุ่ม Non-Bank ที่ได้อานิสงส์จากกำไรพันธบัตร

ขณะที่ธีมเวียดนามก็น่าสนใจจากการประกาศลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะหนุนเศรษฐกิจเวียดนามให้โต 8-10% โดยมี บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP และ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้ประโยชน์ ส่วนหุ้นที่ทะลุเส้น 200 วันอย่าง SCC ก็ยังมีแรงหนุนต่อเนื่อง และกลุ่มโรงพยาบาลยังเป็นธีมที่ย้ำให้จับตา

ทั้งนี้ในมุมของหุ้นขนาดกลาง กรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก มองว่า มี Value กลับมาและกำลังจะเป็นรอบฟื้นตัว โดยมีตัวอย่างที่น่าสนใจอย่าง บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตฉนวนกันความร้อนที่เพิ่งขยายกำลังผลิตในสหรัฐฯ และมีกำไรจากดีมานด์ Data Center หนุนต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ก็มีโอกาสฟื้น เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ อีกทั้งหากเงินบาทอ่อนค่าก็จะยิ่งหนุนส่งออก

ส่วนบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ซึ่งเคยเจอแรงกดดันจากการแทรกแซงราคาก็เริ่มฟื้นตัว โดยมีจุดแข็งจากระบบ Eco system และ Max Card และยังมีบริษัทย่อย “พันธุ์ไทย” ที่คาดว่าจะเข้าตลาดใน 2-3 ปีข้างหน้า ปิดท้ายด้วย บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB ธุรกิจสื่อนอกบ้านที่เติบโตจากการซื้อกิจการเต็ม 100% และมีป้ายโฆษณาที่ไทม์สแควร์ สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะสร้างเซอร์ไพรส์ในช่วงไตรมาส 3-4

นายสุวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นักลงทุนไม่ควรเป็นเพียง “นักปาเป้า” แต่ควรเป็น “นักตกปลา” ที่มุ่งคว้าปลาตัวใหญ่ ด้วยการใช้ “3 ยุทธ์” ได้แก่ กลยุทธ์ วิทยายุทธ์ และสัประยุทธ์ เพื่อประเมินกลยุทธ์องค์กร ความสามารถในการแข่งขัน และความเข้มแข็งของธุรกิจ พร้อมย้ำว่า หากไม่ใช่ “ปลาทู” ก็อาจเป็น “ปลาทูน่า” หรืออย่างน้อยก็ “ปลาแม่กลอง” ที่สร้างโอกาสในการทำกำไรได้เช่นกัน

Back to top button