
จับตาครม. “อนุทิน” ดันปราบสแกมเมอร์วาระแห่งชาติ เคาะ 4 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว
ประชุมครม. วันนี้ “อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะ เตรียมชงยกระดับปราบ “สแกมเมอร์–มิจฉาชีพออนไลน์” เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมพิจารณา 4 มาตรการภาษีหนุนท่องเที่ยวและเร่งรัดเบิกงบกว่า 4 ล้านล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ต.ค.68) เวลา 10:00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีวาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การส่งเสริมภาคท่องเที่ยวในประเทศ และความมั่นคงทางเทคโนโลยี
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมเสนอให้ ครม. เห็นชอบการยกระดับการปราบปราม “สแกมเมอร์” และ “มิจฉาชีพออนไลน์” เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า การจัดการปัญหาสแกมเมอร์ถือเป็นเงื่อนไขสำคัญในกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งไทยต้องแสดงความจริงจังในการดำเนินการ
สำหรับการประชุม ครม. ครั้งนี้ ยังมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 รายการ เพื่อหนุนภาคการท่องเที่ยว ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ได้แก่ มาตรการภาษีท่องเที่ยว ให้สิทธิลดหย่อนภาษีจากค่าที่พักและร้านอาหารได้สูงสุด 20,000 บาท ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 โดยใช้ใบกำกับภาษีเต็มรูปหรือ e-Tax Invoice และหากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวรองจะสามารถลดหย่อนได้ 1.5 เท่า
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบฝึกอบรม (Front Load) สำหรับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2568 – มกราคม 2569 และต้องเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 60% โดยเน้นจัดกิจกรรมในจังหวัดท่องเที่ยวรอง พร้อมกำหนดเป็นตัวชี้วัด (KPI) ของหัวหน้าหน่วยงาน
ส่วนอีก 2 มาตรการ ได้แก่ การขยายเวลาลดภาษีสรรพสามิตสถานบันเทิงจาก 10% เหลือ 5% อีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2569 ครอบคลุมสถานประกอบการประเภทไนต์คลับ ผับ บาร์ และร้านที่มีการแสดงหลังเที่ยงคืน
และการให้สิทธิหักรายจ่ายลงทุนในการปรับปรุงโรงแรมได้ 2 เท่า ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569 โดยได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 100% ของรายจ่าย และสามารถทยอยใช้สิทธิหักได้ภายใน 20 รอบบัญชี
นอกจากนี้ สำนักงบประมาณ ยังเสนอให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมวงเงินกว่า 4 ล้านล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีงบประมาณนี้