
พาณิชย์ปรับร้าน “คนละครึ่งพลัส” บวก VAT ลุยตรวจทั่วประเทศ ร้องเรียนพุ่ง 112 ราย
กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าคุมเข้มร้านร่วม “คนละครึ่งพลัส” ตามนโยบาย “Quick Big Win” พบร้องเรียนทั่วประเทศ 112 ราย ปรับร้านค้าใน จ.บุรีรัมย์ คิด VAT เกินราคาป้าย ย้ำติดป้ายราคาชัด จำหน่ายราคาเดียวกับเงินสด ฝ่าฝืนโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท ฉวยโอกาสขึ้นราคามีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 พ.ย. 68) นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อวางแนวทางให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ภายใต้นโยบายของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยกำชับให้ร้านค้าต้องจำหน่ายสินค้าในราคาที่ตรงกับราคาที่แสดงไว้ ห้ามบวกค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมภายหลัง
นายวิทยากร กล่าวว่า ร้านค้าที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ต้องแสดงราคาจำหน่ายสุดท้ายที่รวมภาษีแล้วทุกกรณี ขณะที่ร้านอาหารต้องแสดงราคาอาหารและค่าใช้จ่ายอื่นอย่างชัดเจน เพื่อให้ประชาชนสามารถเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการได้อย่างเป็นธรรม
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2568 กรมการค้าภายในได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศรวม 112 เรื่อง ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้าเกินราคา ไม่ติดป้ายราคา การคิดราคาสินค้าเพิ่มเมื่อใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” และการแสดงราคาปลีกไม่ตรงกับราคาขายจริง

สำหรับกรณีร้านค้าเรียกเก็บ VAT เพิ่มจากราคาป้าย ถือเป็นพฤติกรรมเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งกรมฯ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบพบร้านค้าบวก VAT เพิ่มจากราคาป้าย เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาจำหน่ายสินค้าไม่ตรงตามราคาที่แสดง และเปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท พร้อมให้คำแนะนำแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งร้านค้ารับปากจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สายตรวจของกรมฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในเขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร พบร้านค้าจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงขึ้นเมื่อใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” และไม่ติดป้ายแสดงราคา เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ฉบับที่ 68 พ.ศ. 2568 และเปรียบเทียบปรับ 2,000 บาท
ขณะเดียวกัน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ตรวจสอบพบร้านค้าธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง มีการรับแลกสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐเป็นเงินสด ทั้งที่ร้านปิดกิจการมานานกว่า 3 เดือน ซึ่งเข้าข่ายผิดเงื่อนไขโครงการ เจ้าหน้าที่จึงเพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมและแจ้งกรมบัญชีกลางระงับการใช้งานแอป “ถุงเงิน” ทันที เพื่อป้องกันการนำสิทธิ์ของประชาชนไปใช้โดยมิชอบ
นายวิทยากร ย้ำว่า ร้านค้าธงฟ้าทุกแห่งต้องปฏิบัติตาม “กฎเหล็กร้านธงฟ้า” อย่างเคร่งครัด ได้แก่ ห้ามแลกสิทธิสวัสดิการเป็นเงินสด ห้ามขายเกินราคา หรือฉวยโอกาสขึ้นราคา ห้ามจำหน่ายสุรา บุหรี่ เบียร์ และห้ามปฏิเสธสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หากฝ่าฝืนจะถูกเพิกถอนสิทธิ์เข้าร่วมโครงการทันที
กรมการค้าภายในยังคงเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบและให้ความรู้แก่ร้านค้าทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมสอดส่องและแจ้งเบาะแสร้านค้าที่ไม่ติดป้ายราคา หรือคิดราคาไม่ตรงป้าย ได้ที่สายด่วน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคและสร้างความเป็นธรรมทางการค้าอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23:00 น. พบว่า มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบและเข้าร่วมโครงการแล้ว 858,991 รายทั่วประเทศ
ส่วนยอดการใช้จ่ายสะสม (8 วัน) ภายใต้โครงการอยู่ที่ 18,042.35 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินที่ภาครัฐร่วมจ่าย 8,910.46 ล้านบาท และเงินที่ประชาชนจ่ายเอง 9,131.89 ล้านบาท

