“เครือซีพี” รับโล่เกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ตอกย้ำการพัฒนาสังคม-ส่งเสริมคุณภาพชีวิต

“เครือซีพี” รับโล่เกียรติคุณ “ค่าของแผ่นดิน” ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต ตอกย้ำความมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจพร้อมเป็นต้นแบบทำความดีสร้างประโยชน์ให้สังคม-ประเทศชาติในทุกมิติอย่างยั่งยืน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2565 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้จัดพิธีมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” แก่ บุคคล หน่วยงาน และโครงการ ที่ได้คุณประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และประเทศชาติ ระหว่างปี 2561–2563 รวมทั้งสิ้น 67 ราย เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจในการทำคุณประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ โดย บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เป็น 1 ในหน่วยงานที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็นค่าของแผ่นดิน ที่มีผลงานด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งนายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้เป็นผู้แทนองค์กรรับโล่รางวัลค่าของแผ่นดิน จากศาสตราจารย์ ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ประธานในพิธีฯ โดยพิธีมอบรางวัลฯนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์

สำหรับในการนี้ นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์  เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ให้เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ที่มีผลงานด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ประชาชน สังคม และ ประเทศชาติ

โดยการได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณในครั้งนี้ทางคณะกรรมการฯได้พิจารณาจากผลงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561-2563 ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเครือซีพีได้สร้างสรรค์ผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการทำประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติในหลายมิติ อาทิ ในช่วงวิกฤติโควิด-19 เครือซีพีได้สนับสนุนงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขไทยในโครงการหน้ากากอนามัยซีพีแจกฟรีแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยไปแล้วกว่า 31 ล้านชิ้น

นอกจากนี้เครือซีพีและกลุ่มธุรกิจในเครือยังได้จัดทำโครงการซีพีร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19 สนับสนุนอาหารและการสื่อสารแก่โรงพยาบาลสนามกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ ตลอดจนร่วมมือกับภาคีเครือข่ายการสร้างโรงพยาบาลสนาม และผนึกกำลังกลุ่มธุรกิจในเครือฯช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านโครงการครัวปันอิ่ม แจกข้าวกล่องฟรี 2 ล้านกล่องฟรี 40 จุดในพื้นที่สีแดงทั้ง กทม. และปริมณฑล รวมไปถึงยังได้จัดทำโครงการซีพี ปันปลูกฟ้าทะลายโจร ปลูกต้นฟ้าทะลายโจร 100 ไร่เพื่อสกัดเป็นยาสมุนไพร 30 ล้านแคปซูล เร่งแจกจ่ายให้ประชาชนเพื่อใช้เป็นยาสามัญประจำบ้านและใช้เสริมภูมิคุ้มกันในช่วงที่ประเทศยังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19

อีกทั้งเครือซีพีให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคมโดยเฉพาะด้านเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตสำคัญของชาติ จึงได้ร่วมมือกับเครือข่ายดำเนินโครงการครอบครัวอุปการะสำหรับเด็กกำพร้าครอบคลุมหลายภูมิภาคของไทย ตลอดจนการให้ความสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนไทยในมูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี และการให้ทุนการศึกษาเครือเจริญโภคภัณฑ์แก่เด็กที่มีความประพฤติดี เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในขณะเดียวกันเครือซีพียังได้ส่งเสริมการจ้างสร้างอาชีพควบคู่ไปกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ในโครงการสบขุ่นโมเดล ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่เกษตรกรบ้านสบขุ่น จ.น่าน นอกจากนี้เครือซีพีได้มีการร่วมมือกับภาคีเครือข่ายร้อยเรียงความดี พร้อมทำจิตอาสาช่วยเหลือสังคมในอีกหลายด้านควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

“การได้รับประกาศเกียรติคุณเป็นค่าของแผ่นดินในครั้งนี้ ถือเป็นรางวัลที่ทรงคุณค่า นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจแก่เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังเป็นรางวัลที่ทำให้พวกเราทุกคนในเครือฯ มีกำลังใจที่จะมุ่งมั่นทำคุณประโยชน์ให้ประชาชน สังคมและประเทศชาติ ตามหลักปรัชญาสามประโยชน์หนึ่งใน 6 ค่านิยมองค์กรที่เครือซีพียึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด โดยในปีนี้เครือซีพีดำเนินธุรกิจบนผืนแผ่นดินไทยก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 2  เรายังคงมุ่งมั่นพร้อมนำศักยภาพของกลุ่มธุรกิจในเครือฯ ร่วมมือกับทุกภาคส่วนร้อยเรียงความดีสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม ตลอดจนสร้างประโยชน์ให้กับประเทศในทุกมิติของความยั่งยืนต่อไป” นายนพปฎล กล่าว

สำหรับหน่วยงานที่ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเป็น “ค่าของแผ่นดิน” ด้านการพัฒนาสังคมและส่งเสริมคุณภาพชีวิต มีหน่วยงานที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ได้รับคัดเลือกทั้งสิ้น 6 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด 2.มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 3.บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด 4.มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ 5.มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง และ 6.มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกัน สำนึกรักบ้านเกิด

Back to top button