WHART ปลื้ม! กระแสจองเพิ่มทุนล้น ตอกย้ำผู้นำ Industrial REIT

WHART ปลื้มนักลงทุนตอบรับการจองหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนเป็นอย่างดี ระดมทุนเพื่อลงทุนทรัพย์ใหม่ตามเป้า ตอกย้ำศักยภาพ ผู้นำ Industrial REIT ที่มีมูลค่าทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในประเทศ


นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) เปิดเผยว่า หลังจากที่เปิดให้กลุ่มผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมของกองทรัสต์ WHART ที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ เพิ่มทุนครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 7-11 พ.ย.65 ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.0609 หน่วยทรัสต์ใหม่ ส่วนประชาชนทั่วไป เสนอขายระหว่างวันที่ 15–18 พ.ย.65 โดยมีราคาเสนอขายสุดท้ายอยู่ที่ 9.90 บาทต่อหน่วย ปรากฏว่านักลงทุนให้การตอบรับอย่างล้นหลาม หน่วยทรัสต์ที่ออกนำเสนอได้รับการจองซื้อเต็มจำนวนทั้ง 100% ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทรัสต์ WHART รวมถึงทรัพย์สินที่เข้าลงทุน

โดยในปีนี้ กองทรัสต์ WHART จะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สิน 5 โครงการ ในทำเลศักยภาพอย่างทำเล บางนา-ตราด ทำเลอำเภอวังน้อย และทำเลพื้นที่ EEC ประกอบด้วย

1.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม.23 โปรเจค 3 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

2.โครงการดับบลิวเอชเอ ซิกโนด แฟคทอรี่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

3.โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

4.โครงการดับบลิวเอชเอ-เคพีเอ็น เมกกะ โลจิสติกส์เซ็นเตอร์บางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 2 ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

5.โครงการดับบลิวเอชเอ เซ็นทรัล เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ วังน้อย 63  ตั้งอยู่ที่ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สำหรับทั้ง 5 โครงการมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,050.86 ล้านบาท มีพื้นที่อาคารรวมประมาณ 159,963 ตารางเมตร โดยมากเป็นโครงการประเภท Built-to-Suit ที่มีสัญญาระยะยาวและมีผู้เช่าชั้นนำอย่าง บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งภายหลังการเพิ่มทุน กองทรัสต์ WHART จะมีมูลค่าทรัพย์สินรวมแตะที่ระดับกว่า 51,956.40 ล้านบาท และมีพื้นที่อาคารภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1,743,696.80 ตารางเมตร พื้นที่ส่วนที่จอดรถ 32 ,650.19 ตารางเมตร และพื้นที่เช่าหลังคา 450,777.29 ตารางเมตร ก้าวสู่การเป็นผู้นำ Industrial REIT ที่มีมูลค่าทรัพย์สินใหญ่ที่สุดในประเทศ และคาดการณ์ว่าจะสามารถจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 0.78 บาทต่อหน่วย เป็น 0.80 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบประมาณการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ถึง วันที่ 31 ธ.ค.66 อีกด้วย

อย่างไรก็ดีในปีนี้กองทรัสต์ WHART มีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกปี 65 ที่ผ่านมา กองทรัสต์ WHART มีรายได้รวม 2,336.50 ล้านบาท และมีการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (กำไรสุทธิ) เท่ากับ 1,361.19 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 3/65 มีรายได้รวม 801.43 ล้านบาท และมีการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (กำไรสุทธิ) เท่ากับ 629.32 ล้านบาท สะท้อนถึงผลการดำเนินงานจริงที่ดีขึ้นของ WHARTและล่าสุด ได้ประกาศจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยในรูปแบบเงินปันผล รอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 ถึงวันที่ 31 ต.ค.65 ในอัตรา 0.2553 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้กองทรัสต์ WHART มีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ณ สิ้นไตรมาส 3/65 อยู่ที่ร้อยละ 92.49 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 92.00 จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้าและไตรมาส 2/65 โดยกลุ่มผู้เช่าส่วนใหญ่ของกองทรัสต์ WHART อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (3PLs) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) และกลุ่ม E-Commerce คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.44 ร้อยละ 19.35 และร้อยละ 16.65 ตามลำดับ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคงและผลการดำเนินงานดีในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/65 กองทรัสต์ WHART มีระยะเวลาสัญญาเช่าเฉลี่ย (WALE) อยู่ที่ 3.69 ปี ทำให้กองทรัสต์ WHART มีความมั่นคงทางรายได้ในระยะยาวเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมเดียวกัน

Back to top button