“เครือซีพี” ติดโผบริษัทจริยธรรมสูง ประจำปี 67

“เครือซีพี” รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลก ประจำปี 67 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก Sony-L'ORÉAL-IBM-PepsiCo  จากการประเมินของสถาบัน Ethisphere


นางสาวเอรีก้า ซัลมอน เบิร์น (Erica Salmon Byrne) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และประธานบริหารของ สถาบัน Ethisphere เปิดเผยว่า ปัจจุบันการดำเนินธุรกิจจะต้องได้รับและรักษาความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตั้งแต่พนักงานและนักลงทุน ไปจนถึงหน่วยงานกำกับดูแล และอื่น ๆ ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจ และการลงทุนภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มแข็ง ตลอดไปจนถึงวัฒนธรรมที่มีจริยธรรม ความเป็นพลเมืองขององค์กร และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ องค์กรต่าง ๆ ไม่เพียงสร้างความไว้วางใจเท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าอีกด้วย

โดยในปี 2567 มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้ได้รับรางวัลมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งถึงอยู่ที่ 12.3% สะท้อนให้เห็นว่าความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมผ่านจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อพนักงาน ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงกว้าง ตลอดจนมีส่วนทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ด้าน นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือซีพีเชื่อมั่นว่าการดำเนินธุรกิจต้องยึดหลักคุณธรรมและความซื่อสัตย์  ปัจจุบันเครือซีพีเติบโตเข้าสู่ปีที่ 103 มีการขยายธุรกิจหลากหลายรวม 14 กลุ่มธุรกิจใน 21 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ มีพนักงานกว่า 4.5  แสนคนทั่วโลก ทุกกลุ่มธุรกิจจึงต้องสร้างศักยภาพขององค์กรในการมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้วยการสร้างจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดี เพื่อสร้างประโยชน์ใหักับสังคมและประเทศชาติ โดยผู้นำมีบทบาทสำคัญอย่างมากต้องเป็น “โค้ชที่ดี” ในการปรับตัวและพัฒนากระบวนการด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลกิจการที่ดีให้มีความโปร่งใส มีการนำระบบเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้

รวมทั้งมีการวางระบบและติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสร้างความตระหนักรู้และวัฒนธรรมด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดีให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร โดยเป้าหมายด้านการกำกับกิจการสู่ปี 2573 ทุกกลุ่มธุรกิจในเครือซีพีจะต้องเข้าร่วมการประเมินจากองค์กรชั้นนำระดับโลก เพื่อยกระดับงานด้านจริยธรรมและการกำกับดูแลให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

การสร้างจริยธรรมและธรรมาภิบาลที่ดี คือรากฐานสำคัญในการนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืน ทุกกลุ่มธุรกิจต้องมีความเชื่อมโยงและมีเป้าหมายเดียวกัน ต้องเห็นคู่ค้า ลูกค้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับธุรกิจ สิ่งเหล่านี้ทำให้เครือฯได้รับการยอมรับ เราจะพัฒนาและยกระดับการกำกับดูแลกิจการให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม เพื่อนำองค์กรสู่การเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืน มุ่งสร้างประโยชน์ประเทศอย่างไม่สิ้นสุด”

ทั้งนี้เครือซีพีได้รับการคัดเลือกจากสถาบัน Ethisphere ในการประเมินตามมาตรฐานที่เข้มงวดให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำที่ได้รับการคัดเลือกในปีนี้ โดยเครือซีพีได้รับคะแนนการประเมินสูงสุดใน 3 ด้านสำคัญคือ

1.ด้านการบริหารจัดการบุคคลภายนอก (Third Party Management) ซึ่งถือเป็นหมวดใหม่ของปีนี้ที่ผู้ประเมินให้ความสำคัญ และเครือฯ ได้คะแนนในหมวดนี้สูงที่สุด ผ่านการประเมินที่มีจุดเน้นว่าเป็นองค์กรที่มีส่วนร่วมและมีการกำกับดูแลตลอดห่วงโซ่อุปทาน มีหลักการกำกับดูแลบุคคลภายนอกที่ชัดเจน และมีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากบุคคลภายนอก 2.ด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบทางสังคม (Environment and Social Impact) และ3.ด้านจริยธรรมและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Ethics and Compliance Program)

สำหรับ World’s Most Ethical Companies เป็นการพิจารณาประเมินคัดเลือกองค์กรที่ดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม ภายใต้ระบบ Ethics Quotient (EQ) ซึ่งได้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2550 โดยสถาบัน Ethisphere เพื่อยกย่องบริษัทที่แสดงความเป็นผู้นำทางจริยธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ  ซึ่งองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องผ่านการประเมินอย่างด้วยเข้มข้นด้วยการให้ข้อมูลผ่านคำถามมากกว่า 240 ข้อ เกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมด้านจริยธรรม แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

รวมไปถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเคารพความหลากหลายและไม่แบ่งแยก ตลอดจนมีการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมที่แข็งแกร่ง  โดยกระบวนการเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกรอบการประเมินแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดขององค์กรในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

โดยปัจจุบัน World’s Most Ethical Companies  มีบริษัทชั้นนำจากทั่วโลกเป็นเครือข่ายสมาชิกมากกว่า 300 บริษัททั่วโลก และมีบริษัทชั้นนำที่ได้รับการประเมินและยกย่องนับตั้งแต่ก่อตั้ง World’s Most Ethical Companies มาแล้ว 18 ปี รวม 6 แห่ง ได้แก่ Aflac, Ecolab, International Paper, Kao Corporation, Milliken & Company และ PepsiCo ส่วนเครือซีพี ติดอันดับต่อเนื่องมา 4 ปีนับตั้งแต่ปี 2564

Back to top button